เมื่อคืนวานนี้คุณพ่อป่วยเป็นไข้สูงมาก คุณหมอจึงแนะนำว่า ควรแยกห้องนอนกับผู้ป่วย และรอดูอาการ 2 วันหากไข้ไม่ลดลงมีความเสี่ยงสูงที่จะเป็นไข้หวัดใหญ่ 2009 O__O"
และอันตรายสำหรับคุณแม่ซึ่งกำลังตั้งครรภ์อ่อนๆ คุณพ่อกลัวหนูกับคุณแม่ติดไข้
คุณพ่อจึงขับรถพาแม่กับลูกมาส่ง ให้ค้างคืนที่บ้านอาม่า
ช่วงนี้น่าจะเป็นสัปดาห์ที่ 5-6 ซึ่งหนูน่าจะกำลังแบ่งตัวสร้างอวัยวะ ... รึเปล่าน๊า?
T _ T ไม่รู้จะต้องแยกกันกี่วัน
แม่ไม่เหงาเพราะมีหนูอยู่ในพุงเป็นเพื่อน แต่สงสารคุณพ่อที่ต้องนอนป่วยคนเดียวที่บ้านของเรา
ปล. วันนี้ช๊อปปิ้งชุดใหม่สำหรับคุณแม่มาอีก 1 ชุด
******************************************************************
ข้อมูลเพิ่มเติม
หญิงตั้งครรภ์ กับไข้หวัดใหญ่ 2009
หญิงตั้งครรภ์ที่ติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ 2009 อาการแรกเริ่มจะเหมือนกับไข้หวัดทั่วไป คือมีไข้ ไอ เจ็บคอ มีน้ำมูก อาจมีอาการปวดตามตัว ปวดศีรษะ อ่อนเพลีย หรือคลื่นไส้ อาเจียน แต่เมื่อใดก็ตามที่ไข้สูง อาการเป็นมาก กินยาแล้วยังไม่ดีขึ้น ต้องรีบไปพบแพทย์ เพราะบางรายอาการอาจรุนแรงในเวลาอันรวดเร็ว จึงมีการจัดหญิงตั้งครรภ์ให้อยู่ในกลุ่มเสี่ยงสูงเมื่อเป็นโรคนี้
ถ้าถามว่าความเสี่ยงสูงอย่างไร คงเทียบได้กับความเสี่ยงในกลุ่มผู้ป่วยที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไปแล้วเป็นโรคนี้
หญิงตั้งครรภ์ที่เป็นไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ควรได้รับยารักษาโรคเร็ว ถ้ามีอาการที่น่าสงสัย เช่น ไข้สูง ปวดตามตัว ไอมาก มีน้ำมูก ร่วมกับมีประวัติเคยสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ที่ป่วยเป็นโรคนี้ หรือตรวจคัดกรองแล้วให้ผลเป็นบวก ควรเริ่มการรักษาทันทีโดยไม่จำเป็นต้องรอผลการตรวจยืนยัน ซึ่งใช้เวลาหลายวัน มักแนะนำให้ยารักษาภายใน 48 ชั่วโมงหลังจากเริ่มมีอาการ
ยาที่ให้ได้แก่ โอเซลทามิเวียร์ รับประทานเป็นเวลา 5 วัน การได้ยาเร็วมักได้ผลดี เพราะหญิงตั้งครรภ์ที่ติดเชื้อนี้มีบางรายเกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรงได้ เช่น โรคปอดบวม
หลายคนอาจมีความกังวลว่า ยาโอเซลทามิเวียร์จะมีผลเสียต่อทารกในครรภ์หรือไม่ จากการที่มีการใช้ยานี้ในหญิงตั้งครรภ์ที่เป็นไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาลที่ผ่านๆ มา ยังไม่ปรากฏหลักฐานชัดเจนว่ายามนี้จะมีผลเสียต่อทารกในครรภ์
แม้ว่าหญิงตั้งครรภ์ที่เป็นไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาลจะมีอัตราการแท้ง และการคลอดก่อนกำหนดสูงกว่าคนทั่วไป ส่วนใหญ่มักจะเป็นจากอาการของโรค เพราะการมีไข้สูงมากจะมีผลทำให้แห้ง หรือก่อให้เกิดความผิดปกติของทารกในครรภ์ได้ หากมีไข้สูงควรรับประทานยาพาราเซตามอล หรืออะเซตามิโนเฟน ไม่ควรรับประทานแอสไพริน
อย่างไรก็ตาม ในช่วง 3 เดือนแรกของการตั้งครรภ์ ซึ่งเป็นช่วงที่มีการสร้างอวัยวะต่างๆ ของทารก การจะรับประทานยาใดๆ คงต้องพิจารณาให้รอบคอบ แพทย์มักจะชั่งน้ำหนักดูระหว่างความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรงจาก โรค กับผลเสียที่อาจเกิดจากยา
เมื่อใดที่เห็นว่าความเสี่ยงของหญิงตั้งครรภ์จากโรคมีสูง แพทย์ก็จะให้ยาทันที
ดังนั้นการจะให้ยาหรือไม่จึงต้องพิจารณาเป็นรายๆ ไป แต่ถ้าอายุครรภ์ 4 เดือนขึ้นไป และมีอาการน่าสงสัยมากดังที่กล่าวมาข้างต้น ควรจะได้ยาโอเซลทามิเวียร์เลย โดยไม่ต้องรอผลการตรวจยืนยันเชื้อ
หญิงตั้งครรภ์ได้รับเชื้อไข้หวัดใหญ่ 2009 มาแล้ว สามารถถ่ายทอดติดไปถึงลูกในครรภ์หรือไม่ ?
แม้จะยังไม่มีข้อมูลมากพอ แต่ในทางทฤษฎีเมื่อผู้ใดติดเชื้อ จะมีช่วงหนึ่งที่ไวรัสเข้าไปในกระแสโลหิต แม้จะเพียงจำนวนน้อยและจะหายไปในเวลาอันสั้น ถ้าบังเอิญเด็กคลอดในตอนนั้น เด็กอาจได้รับเชื้อมาได้ แต่ถ้าอาการของหญิงตั้งครรภ์ดีขึ้นแล้วเด็กที่คลอดก็ไม่ควรจะติดเชื้อมาด้วย
การให้นมแม่หลังคลอด เนื่องจากไข้หวัดใหญ่ 2009 ยังเป็นเชื้อไวรัสสายพันธุ์ใหม่ จึงยังไม่มีหลักฐานว่าเชื้อผ่านทางน้ำนมได้หรือไม่ แต่จากรายงานต่างๆ เกี่ยวกับไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล แทบไม่พบเชื้อไวรัสเหล่านั้นในกระแสโลหิต จึงไม่น่าจะมีเชื้อออกมาทางน้ำนม และการที่คุณแม่ได้ยาต้านไวรัสก็ไม่ได้เป็นข้อห้ามในการให้นมลูก
จึงแนะนำว่าเด็กควรได้รับนมแม่หากขณะที่คลอดคุณแม่ยังไม่แน่ว่าหายจากโรค หรือยัง ให้ใช้วิธีบีบน้ำนมใส่ขวด แล้วให้บุคคลอื่นเป็นคนป้อนนม ถ้าคุณแม่มีอาการคล้ายเป็นหวัด แนะนำให้ใส่หน้ากากอนามัยในขณะดูแลลูกหรือให้นมลูก
ข้อแนะนำสำหรับหญิงตั้งครรภ์ทั่วไปเพื่อไม่ให้ติดเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ ใหม่ 2009 ได้แก่ เมื่อไปจับต้องสิ่งของนอกบ้าน ต้องล้างมือทุกครั้งด้วยสบู่ หรือเจลล้างมือ เมื่อออกจากบ้านไปในที่ชุมนุมชนใส่หน้ากากอนามัยทุกครั้ง
หากมีบุคคลในครอบครัวเป็นไข้หวัดใหญ่ 2009 ต้องแยกออกไปทันที หรือถ้าใครในบ้านเป็นหวัดให้ใส่หน้ากากอนามัยไว้
สำหรับการฉีดวัดซีนป้องกันโรคในหญิงตั้งครรภ์ แม้ว่าจะมีวัดซีนหลายอย่างที่มีหลักฐานชัดเจนว่าปลอดภัย เช่น วัคซีนป้องกันบาดทะยัก แต่สำหรับวัดซีนไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ที่มีข่าวว่ากำลังจะนำออกมาใช้ เนื่องจากหลักฐานความปลอดภัยยังไม่ชัดเจน
จึงไม่แนะนำให้หญิงตั้งครรภ์ฉีดในขณะนี้
Friday, March 26, 2010
Wednesday, March 24, 2010
วันชิวๆ ของการปรับตัว
4 วัน แล้ว.....ปรกติจะท้องอืดมากมาย นอนกระสับกระส่าย และคันไปทั้งตัว
ใช้ครีมบำรุงผิวทาช่วยก็ไม่บรรเทาลงสักเท่าไหร่
ไปอ่านเจอในกระทู้ เรื่องอาการคันจากผิวแห้ง เกิดจากการใช้สบู่ฟองเยอะฟอกตัว รวมถึงการอาบน้ำอุ่นจัด จึงซื้อสบู่เหลวใหม่ มาใช้ และพยายามอาบน้ำอุณหภูมิปรกติ แทนน้ำอุ่นจัด
วันนี้ตื่นนอนไม่ค่อยอ่อนเพลีย เพราะนอนหลับสบายขึ้น ไม่ค่อยคันตามผิวหนัง อาจเนื่องมาจากการเปลี่ยนสบู่ เริ่มชินกับอาการท้องอืด อาจจะเนื่องมาจาก ยาลดกรดที่หมอโรคกระเพาะให้มา
อ่านเจอในกระทู้มาว่า อาการการท้องอืดระหว่างตั้งครรภ์นั้นมาจากการที่มดลูกขยายตัวไปกดทับกระเพาะอาหารและ ระดับฮอร์โมนที่เปลี่ยนแปลง ซึ่งอาจมีอาการท้องผูกร่วมด้วย
แก้ไขอาการท้องอืดทำได้โดย ทานอาหารย่อยง่าย ครั้งละน้อยๆ บ่อยครั้งขึ้น / ทานอาหารที่มีไฟเบอร์ช่วยแก้อาการท้องผูก / ทานนมเปรี้ยวเพิ่มจุลินทรีย์ช่วยย่อย และ ออกกำลังกายเบาๆ
ใช้ครีมบำรุงผิวทาช่วยก็ไม่บรรเทาลงสักเท่าไหร่
ไปอ่านเจอในกระทู้ เรื่องอาการคันจากผิวแห้ง เกิดจากการใช้สบู่ฟองเยอะฟอกตัว รวมถึงการอาบน้ำอุ่นจัด จึงซื้อสบู่เหลวใหม่ มาใช้ และพยายามอาบน้ำอุณหภูมิปรกติ แทนน้ำอุ่นจัด
วันนี้ตื่นนอนไม่ค่อยอ่อนเพลีย เพราะนอนหลับสบายขึ้น ไม่ค่อยคันตามผิวหนัง อาจเนื่องมาจากการเปลี่ยนสบู่ เริ่มชินกับอาการท้องอืด อาจจะเนื่องมาจาก ยาลดกรดที่หมอโรคกระเพาะให้มา
อ่านเจอในกระทู้มาว่า อาการการท้องอืดระหว่างตั้งครรภ์นั้นมาจากการที่มดลูกขยายตัวไปกดทับกระเพาะอาหารและ ระดับฮอร์โมนที่เปลี่ยนแปลง ซึ่งอาจมีอาการท้องผูกร่วมด้วย
แก้ไขอาการท้องอืดทำได้โดย ทานอาหารย่อยง่าย ครั้งละน้อยๆ บ่อยครั้งขึ้น / ทานอาหารที่มีไฟเบอร์ช่วยแก้อาการท้องผูก / ทานนมเปรี้ยวเพิ่มจุลินทรีย์ช่วยย่อย และ ออกกำลังกายเบาๆ
Tuesday, March 23, 2010
วันที่สาม เตรียมพร้อมกับอุปกรณ์แก้คัน!! และเครื่องสำอางค์สำหรับคุณแม่
วันที่นี้เป็น 3 ของการรับรู้ว่า มี 1 ชีวิตน้อยๆ กำลังจะมากำเนิดอยู่ในร่างกายของเรา ^^
อาการบ่งบอกเรื่องตั้งครรภ์ชัดเจนขึ้น คือ ปวดท้องตึงๆ ปัสสวะบ่อยๆ และง่วงนอน และมีอาการคันตามตัวมากขึ้น แอบไปสอบถามจากผู้มีประสบการณ์ ปรากฎว่าแต่ละคนอาจจะมีอาการที่ต่างกันไป เช่น บางคนปวดหัวมาก บางคนง่วงนอนมาก สำหรับเรา "คัน"มากกกก...เผลอเกาจนห้อเลือดเลยแย่จัง คงต้องหาครีมทาผิวซะหน่อย
สิ่งที่ต้องศึกษาเพิ่มเติมคือ เครื่องสำอางค์สำหรับคุณแม่ และโลชั่นทาผิวแก้คัน ที่เหมาะสมสำหรับหญิงมีครรภ์ คืออะไรบ้าง?
จากที่ไปตามอ่านมาจากกระทู้ ส่วนใหญ่เน้นให้ใช้ เครื่องสำอางค์ที่ไม่มีน้ำหอม หรือ ผลิตจากสมุนไพรธรรมชาติ ห้ามใช้พวกเสปรย์แต่งผม เพราะมีสารที่มีผลต่อการพัฒนาอวัยวะสืบพันธ์ของเด็กในครรภ์ ถ้าเป็นไปได้หากจะย้อมผมต้องเลือกดีๆด้วย ...Bra bra.....
จากที่สอบถามเภสัชกร ร้าน Booth เค๊าบอกให้หลีกเลี่ยงโลชั่นกลิ่นหอม และแนะนำให้ใช้ครีมของEucerin สอบถามพี่สะใภ้ พี่บอกว่าใช้ วาสลีนสิ ราคาไม่แพงและดีมาก Eucerin ก็โอนะแต่เค๊าเคยใช้ 2 อย่าง ก็คล้ายๆกัน วาสลีนประหยัดกว่า ...อืม เลยได้มา 1 ขวด หุหุ
จากที่สอบถามเภสัชกร ร้าน Booth เค๊าบอกให้หลีกเลี่ยงโลชั่นกลิ่นหอม และแนะนำให้ใช้ครีมของEucerin สอบถามพี่สะใภ้ พี่บอกว่าใช้ วาสลีนสิ ราคาไม่แพงและดีมาก Eucerin ก็โอนะแต่เค๊าเคยใช้ 2 อย่าง ก็คล้ายๆกัน วาสลีนประหยัดกว่า ...อืม เลยได้มา 1 ขวด หุหุ
วาสลีนแบบไม่มีกลิ่นหอมไว้ทาผิวแก้คัน
สอบถามเภสัชกรหน้าหมู่บ้าน เค๊าบอกว่า " ใช้ได้หมดแหละครับ เพราะถ้าใช้ไม่ได้ ข้างกล่องจะมีระบุควบคุม เช่น ... สตรีมีครรภ์ห้ามใช้" ...แต่ถ้าจะใช้พวกสมุนไพรก็นี่เลย ...เภสัชแนะนำ และแล้วก็เลยซื้อ แชมพู และ ครีมนวดผมสมุนไพรสูตรขิง + ครีมทาผิวสูตรแตงกวาสกัด ของอภัยภูเบศร์ มาลองใช้
ครีมทาผิวสมุนไพร และ ยาสระผมสมุนไพร เพื่อความปลอดภัยจากสารเคมี
เก็บตกเครื่องแต่งตัว คุณแม่มือใหม่ ^^
หลังจากพบหมอเพื่อฝากครรภ์ รีบแจ้นไปซื้อรองเท้า ชอบทั้งคู่เลยเลือกไม่ถูกถอยมา มา 2 คู่ สไตล์เดียวกันเลย อิอิ
Senso สีขาวมุก 799 บาท และ polo club สีดำ 1,850 บาท
เอาส้นเตี้ยๆ ใส่กระชับ พื้นนิ่มสวมสบาย ......และชุดเดรท สำหรับคุณแม่ชุดแรกของ Classify ลดราคา 725 บาท หุหุ กระเป๋าเบาสะบาย
และอื่นๆที่ต้องเตรียมต่อไป คือครีมทาพุงลาย เอิ้กๆๆๆ
Monday, March 22, 2010
ยินดีด้วย คุณกำลังตั้งครรภ์ ... ภาระที่ให้ความสุข?
สัปดาห์ที่ผ่านมารู้สึกว่า ท้องอืด พุงป่องๆ เจ็บคัดหน้าอก ปวดท้องบ่อยๆ แถมเจ็บคอและรู้สึกมีไข้อ่อนๆตลอดเวลา ลางานไป วันนึง แต่แอบสงสัยว่ารอบเดือนไม่มา 3 วันแล้ว ... หรือจะเป็นไข้ทับฤดู หรือจะมีน้อง?
เช้าก่อนจะไปทำงาน ม๊าโทรมาถาม ว่าหายไข้หรือยัง? เราเองก็นอนปวดท้องทั้งคืน คาดว่าน่าจะเป็นโรคกระเพาะด้วย แม่บอกว่าให้ไปตรวจเถอะ ตอนนี้ป๋าป๊าหม่าม๊าก็มาตรวจสุขภาพที่รพ.ด้วย และแกจะจองคิวให้ เราจึงตัดสินในลางานไปหาหมอที่ รพ. พระราม9
เล่าอาการและข้อสงสัยให้คุณหมอฟัง ผลจากการตรวจ เป็นโรคทางเดินอาหารอักเสบ กึ่งๆกรดไหลย้อน
และ ก่อนจะให้ยาโรคกระเพาะ คุณหมอให้ไปทำ Preg test (ตรวจปัสสาวะ) เพราะยากระเพาะบางตัวจะมีผลต่อเด็ก หากมีการตั้งครรภ์ ...แต่ประจำเดือนเพิ่งจะไม่มา 2-3 วัน ผลอาจจะคลาดเคลื่อนได้นะครับคุณหมอบอก
ใบตรวจฉี่มาแล้ว คุณหมอยิ้มแล้วบอกว่า Possitive +++
"ยินดีด้วย คุณกำลังตั้งครรภ์!!!" O__O"
วินาทีที่ได้ยิน ทั้งๆที่เตรียมใจไว้อยู่ก่อนแล้ว มันอึ้งๆบอกไม่ถูก
อากง อาม่า(อยู่ในห้องตรวจด้วย) ยิ้มกริ่มท่าทางแกจะดีใจที่ได้หลาน แต่ทำไมเรากังวัลๆก็ไม่รู้
ดีใจก็ดีใจนะ แต่กลัวจัง 5555 คงมาแล้วสินะ ภาระที่ให้ความสุข :P
และคุณหมอส่งต่อ ไปแผนกสูตินารี เพื่อฝากครรภ์ ....
ถูกเจาะเลื่อด > < และคุณหมอก็แนะนำ การปฏิบัติตัวให้ฟังยาวยืด และเอาปฏิทินวงจรการเจริญเติบโตของเด็กมาให้ดู *0* / ตอนนี้ลูกของคุณจะอยู่ตรงนี้ แบบนี้ จินตนาการถึงต้นกล้าอ่อนๆ ที่มีรากเล็กๆเกาะฝังตัวอยู่ ยังไม่แน่นหนา
1-3 เดือนจึงเป็นช่วงที่ต้องระวังตัวมากที่สุด ทั้งเรื่องการกระแทกระหว่างเดินทาง และการรับประทานยา
และคุณหมอคำนวนกำหนดคลอดให้เสร็จสรรพ ด้วยปฏิทินหน้าตาคล้ายๆแบบนี้ ยังกะแผ่นเข้มทิศดูฮวงจุ้ยแหนะเอิ้กๆ ^o^ กำหนดคลอด 28 พย. 53 บวก ลบ 2 สัปดาห์
แต่ใจเราลอยไปถึงไหนแล้วก็ไม่รู้ ...หุหุ รู้แต่เดี๋ยวต้องหาซื้อรองเท้าส้นเตี้ยมาใส่ด่วน...
หมอให้ยาบำรุงกรดโฟลิคมากิน หมอบอกว่ามันจะช่วยลดความเสี่ยง อาการพิการของเด็กได้
( น่าจะเป็นพวกเดียวกะกรดโฟลิคนะ) หุหุ
ปล. ฝากครรภ์กับคุณหมอที่ รพ.พระราม9
ตรวจครั้งแรก พบแพทย์พูดคุย แนะนำการปฏิบัติตัว และการเจริญเติบโต รวมถึงเจาะเลือด และ กดตรวจมะเร็งเต้านม เป็นเงิน 2,757 บาท หุหุ
คุณรู้หรือไม่ว่า?
การตั้งครรภ์ถึง 50% เป็นการตั้งครรภ์แบบไม่ได้วางแผนไว้ ถ้าหากคุณแม่เพิ่งทราบว่ากำลังตั้งครรภ์และไม่เคยทานกรดโฟลิคเสริมมาก่อน ก็ไม่ต้องกังวลใจ สามารถเริ่มทานได้ทันทีและทานต่อเนื่องไปจนถึงสัปดาห์ที่ 12 ของการตั้งครรภ์
กรดโฟลิค กรดโฟลิคช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดความผิดปกติแต่กำเนิด เช่น ความผิดปกติของกระดูกสันหลัง ที่เรียกว่า Spina Bifida ช่วงเวลาที่เหมาะจะรับประทานคือช่วง 2-3 เดือนก่อนคลอด และระหว่างระยะที่ 1 ของการตั้งครรภ์ (12 สัปดาห์แรก) ในช่วงเวลาดังกล่าว จำเป็นมากที่คุณแม่จะต้องรับประทานอาหารที่เป็นประโยชน์และครบห้าหมู่ พร้อมทั้งรับประทานกรดโฟลิค พร้อมทั้งคุณแม่สามารถเลือกอาหารที่มีกรดโฟลิคสูงมารับประทาน เช่น ผักที่มีสีเขียวอย่างบล็อคโคลี่ กระหล่ำปลี ฝักถั่วและเมล็ดถั่ว และผลไม้ เช่น ส้ม
เช้าก่อนจะไปทำงาน ม๊าโทรมาถาม ว่าหายไข้หรือยัง? เราเองก็นอนปวดท้องทั้งคืน คาดว่าน่าจะเป็นโรคกระเพาะด้วย แม่บอกว่าให้ไปตรวจเถอะ ตอนนี้ป๋าป๊าหม่าม๊าก็มาตรวจสุขภาพที่รพ.ด้วย และแกจะจองคิวให้ เราจึงตัดสินในลางานไปหาหมอที่ รพ. พระราม9
เล่าอาการและข้อสงสัยให้คุณหมอฟัง ผลจากการตรวจ เป็นโรคทางเดินอาหารอักเสบ กึ่งๆกรดไหลย้อน
และ ก่อนจะให้ยาโรคกระเพาะ คุณหมอให้ไปทำ Preg test (ตรวจปัสสาวะ) เพราะยากระเพาะบางตัวจะมีผลต่อเด็ก หากมีการตั้งครรภ์ ...แต่ประจำเดือนเพิ่งจะไม่มา 2-3 วัน ผลอาจจะคลาดเคลื่อนได้นะครับคุณหมอบอก
ใบตรวจฉี่มาแล้ว คุณหมอยิ้มแล้วบอกว่า Possitive +++
"ยินดีด้วย คุณกำลังตั้งครรภ์!!!" O__O"
วินาทีที่ได้ยิน ทั้งๆที่เตรียมใจไว้อยู่ก่อนแล้ว มันอึ้งๆบอกไม่ถูก
อากง อาม่า(อยู่ในห้องตรวจด้วย) ยิ้มกริ่มท่าทางแกจะดีใจที่ได้หลาน แต่ทำไมเรากังวัลๆก็ไม่รู้
ดีใจก็ดีใจนะ แต่กลัวจัง 5555 คงมาแล้วสินะ ภาระที่ให้ความสุข :P
และคุณหมอส่งต่อ ไปแผนกสูตินารี เพื่อฝากครรภ์ ....
ถูกเจาะเลื่อด > < และคุณหมอก็แนะนำ การปฏิบัติตัวให้ฟังยาวยืด และเอาปฏิทินวงจรการเจริญเติบโตของเด็กมาให้ดู *0* / ตอนนี้ลูกของคุณจะอยู่ตรงนี้ แบบนี้ จินตนาการถึงต้นกล้าอ่อนๆ ที่มีรากเล็กๆเกาะฝังตัวอยู่ ยังไม่แน่นหนา
1-3 เดือนจึงเป็นช่วงที่ต้องระวังตัวมากที่สุด ทั้งเรื่องการกระแทกระหว่างเดินทาง และการรับประทานยา
และคุณหมอคำนวนกำหนดคลอดให้เสร็จสรรพ ด้วยปฏิทินหน้าตาคล้ายๆแบบนี้ ยังกะแผ่นเข้มทิศดูฮวงจุ้ยแหนะเอิ้กๆ ^o^ กำหนดคลอด 28 พย. 53 บวก ลบ 2 สัปดาห์
แต่ใจเราลอยไปถึงไหนแล้วก็ไม่รู้ ...หุหุ รู้แต่เดี๋ยวต้องหาซื้อรองเท้าส้นเตี้ยมาใส่ด่วน...
หมอให้ยาบำรุงกรดโฟลิคมากิน หมอบอกว่ามันจะช่วยลดความเสี่ยง อาการพิการของเด็กได้
( น่าจะเป็นพวกเดียวกะกรดโฟลิคนะ) หุหุ
ปล. ฝากครรภ์กับคุณหมอที่ รพ.พระราม9
ตรวจครั้งแรก พบแพทย์พูดคุย แนะนำการปฏิบัติตัว และการเจริญเติบโต รวมถึงเจาะเลือด และ กดตรวจมะเร็งเต้านม เป็นเงิน 2,757 บาท หุหุ
คุณรู้หรือไม่ว่า?
การตั้งครรภ์ถึง 50% เป็นการตั้งครรภ์แบบไม่ได้วางแผนไว้ ถ้าหากคุณแม่เพิ่งทราบว่ากำลังตั้งครรภ์และไม่เคยทานกรดโฟลิคเสริมมาก่อน ก็ไม่ต้องกังวลใจ สามารถเริ่มทานได้ทันทีและทานต่อเนื่องไปจนถึงสัปดาห์ที่ 12 ของการตั้งครรภ์
กรดโฟลิค กรดโฟลิคช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดความผิดปกติแต่กำเนิด เช่น ความผิดปกติของกระดูกสันหลัง ที่เรียกว่า Spina Bifida ช่วงเวลาที่เหมาะจะรับประทานคือช่วง 2-3 เดือนก่อนคลอด และระหว่างระยะที่ 1 ของการตั้งครรภ์ (12 สัปดาห์แรก) ในช่วงเวลาดังกล่าว จำเป็นมากที่คุณแม่จะต้องรับประทานอาหารที่เป็นประโยชน์และครบห้าหมู่ พร้อมทั้งรับประทานกรดโฟลิค พร้อมทั้งคุณแม่สามารถเลือกอาหารที่มีกรดโฟลิคสูงมารับประทาน เช่น ผักที่มีสีเขียวอย่างบล็อคโคลี่ กระหล่ำปลี ฝักถั่วและเมล็ดถั่ว และผลไม้ เช่น ส้ม
Subscribe to:
Posts (Atom)