Monday, May 14, 2018

ค่าเทอม โรงเรียนพระมารดานิจจานุเคราะห์ ปี 2561

ค่าเทอม โรงเรียนพระมารดานิจจานุเคราะห์ ปี 2561
และค่าเรียนพิเศษ ตั้งแต่ชั้นอนุบาล - ม.6

แยกค่าเทอมเป็น 3 ประเภท คือ

1. ภาคปรกติ
อนุบาล - 18,700 บาท ต่อเทอม
ประถม - 14,520  บาท ต่อเทอม
มัธยมต้น - 17,960 บาท ต่อเทอม
มัธยมปลาย - 13,290 บาท ต่อเทอม

2. ภาคภาษาอังกฤษ(ห้อง Smart)
อนุบาล - 32,000 บาท ต่อเทอม
ประถม - 34,000  บาท ต่อเทอม
มัธยมต้น - 35,000 บาท ต่อเทอม
มัธยมปลาย - 13,290 บาท ต่อเทอม

3.Inter (Grade 1-6) ภาษาอังกฤษ
G1-G4  - 57,000  บาท ต่อเทอม
G5-G6 -  55,000  บาท ต่อเทอม


เด็กเข้าใหม่ทุกคนบังคับเรียนเสริมภาคฤดูร้อน




ค่าเรียนพิเศษแล้วแต่ความสมัครใจ แต่
เฉพาะชั้นประถม1 ทุกคน บังคับต้องเรียนเสริมพิเศษวิชาการ


Tuesday, January 23, 2018

ลิงกัด

ลูกสาววัย 7 ขวย ถูกลิงกัดที่ปลายนิ้ว เมื่อปลายปีที่ผ่านมา(ธันวาคม 2560) ตอนไปเที่ยวบางแสน
คุณแม่รีบล้างแผลด้วยน้ำสะดาด พาไป รพ.ในม.บูรพา (รพ.รัฐบาล ที่ใกล้ที่เกิดเหตุที่สุด )





คุณหมอที่ ม. บูรพาบอกว่า สิ่งที่ต้อง"ฉีด"เมื่อถูก สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมกัด
คือ 1. วัคซีนป้องกันพิษสุนัขบ้า 2. เซรุ่มป้องกันพิษสุนัขบ้า และ 3. วัคซีนกันบาทะยัก 
แล้วหมอก็ให้ยาฆ่าเชื้อแบบรับประทานมา 1 ขวด แต่...วัคซีนมีหลายแบบหลายยี่ห้อ ถ้าฉีดที่นี่ แ

ล้วไปฉีดต่อที่ รพ.อื่นอาจจะมีปัญหาได้ ... 
คุณหมอบอกว่าเซรุ่มที่นี่มีทำจากพิษงู และ สกัดจากม้า แต่...ตอนนี้ "เซรุ่ม" หมดต้องไปหาฉีดเองที่อื่น 
เอาหละสิ บ้านอยู่กรุงเทพ... จึงตัดสินใจกลับไปฉีดที่ รพ.สมิติเวช กรุงเทพแทนในค่ำวันนั้น
คุณหมอศัลยกรรมเด็ก ที่สมิติเวชบอกว่า วันนี้ลูกสาวเป็นรายที่ 4 หมอได้ฉีดยาคนไข้ครบเซ็ทพอดี มีทั้ง หมากัด แมวกัด หนูแฮมกัด และลิงกัด
และเป็นเด็กๆอายุช่วง 3-7 ปีทั้งนั้น คุณหมอบอกว่าฉีดเฉพาะ วัคซีนป้องกันพิษสุนัขบ้า 5 เข็มเพียงพอแล้ว เพราะแผลปลายนิ้วเลือดออกเล็กน้อยมาก 
เมื่อฉีดวัคซีนฉีดครบ 5 เข็ม ภูมิต้านทานจะสูง ป้องกันได้ 1 ปี หลังจาก1 ปี ถ้าถูกสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมกัดอีก ให้ฉีดอีกแค่ 2 เข็มห่างกัน 3 วัน ก็เพียงพอ
และให้เฝ้าระวังสัตว์ที่กัดไปอีก 3 สัปดาห์ ถ้าสัตว์ไม่ตายก็ถือว่าปลอดภัย

แล้วเซรุ่มหละคะ? ... 
คุณหมอตอบมาว่า ... เซรุ่มกรณีลูกสาวโดนกัดปลายนิ้วเลือดออกนิดเดียวไม่จำเป็นต้องฉีด เพราะมีราคาแพงคุณหมอไม่แนะนำ ซ้ำยังต้องฉีดใกล้แผลน้องจะเจ็บตัวเปล่าๆ 
แต่ถ้าอยากสบายใจก็ฉีดได้ เซรุ่มใช้ในกรณีซีเรียส เช่น แผลใหญ่ เหวอะหวะ โดนกัดที่ ต้นแขน หรือราวนม ใกล้จุดรวมเส้นเลือดหรือใกล้เส้นประสาทเช่นโดนกัดบนใบหน้า
บาดทะยักไม่จำเป็นต้องฉีดเพราะเด็กสมัยนี้ถ้าแม่ฝากครรภ์ใน รพ. และฉีดวัคซีนตามกำหนดจะกันบาดทะยักได้ถึง 10 ขวบ อยู่แล้ว (รู้สึกสบายใจและดีใจที่คุณหมอแนะนำ)
สรุปจึงนัดฉีดกัน 5 เข็ม ภายใน 30 วัน. ค่าวัคซีน+ค่าหมอและหัตถการ ประมาณ 7,000 บาท (ราคา รพ.เอกชน)

เรื่องไม่จบ ...เกิดดราม่าต่อ เมื่อคุณแม่ได้คุยกับ เพื่อน ผปค. อีกท่าน ชื่อคุณแม่M. 
เค๊าบอกว่าลูกชายวัย 5 ขวบของเค๊าก็โดนสุนัขกัด แต่เลือดไม่ออกมีแค่รอยถลอก ยังโดนฉีดยาไปหมื่นกว่าบาท เพราะมีเซรุ่มด้วย หมอที่แนะนำเป็นหมอเก่ง เฉพาะทางเรื่องการติดเชื้อ รพ.เวชธานี
เราเลยแชร์เรื่องลูกสาว โดนฉีดเฉพาะวัคซีพิษสุนัขบ้า 5 เข็มหลังโดนลิงกัด หมอศัลยกรรมเด็กที่สมิติเวชบอกว่า โดนสกิดเลือดออกปลายนิ้วแบบลูกสาว ไม่จำเป็นต้องฉีดเซรุ่ม เพราะไม่ใช่กรณีร้ายแรงแผลเหวอะหวะหรือใกล้เส้นประสาทขนาดต้องใช้เซรุ่ม แต่ คุณแม่M.บอกว่า หมอศัลย์ที่คงไม่เก่งไม่เฉพาะทาง เพราะหมอที่เค๊าพาลูกไป บอกว่าแค่สำลีโดนเลือดนิดเดียวมาป้ายโดนรอยถลอกก็เสี่ยงติดเชื้อแล้ว จำเป็นต้องฉีดเซรุ่มอย่างยิ่ง เป็นเซรุ่มจากคนด้วยไม่ใช่จากม้าหรืองู ( ฟังดูเราเองก็สงสัย ลูกชายเค๊าแค่ถลอกเลือดไม่ออกด้วยซ้ำ ทำไมหมอจึงแนะให้ฉีดเซรุ่ม? คำตอบนี้มีในช่วงอธิบายของน้องตัวแทนเซรุ่มด้านล่าง )

ด้วยความสงสัย คุณแม่ลองโทรถามเพื่อนๆกรณ๊อื่นๆ ที่เด็กโดน สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมกัด
คุณแม่ H - ลูกสาว 9 ขวบ โดนลิงตะบบข่วนมือ เลือดออกเล็กน้อย ปีก่อน ก็ฉีด 5 เข็มเหมือนลูกสาว (ปัจจุบันปรกติดี)
คุณแม่ N - ลูกสาว 7 ขวบเหมือนกัน หนูแฮมเตอร์กัดเอวเลือดซิบๆ ฉีด 1 เข็ม แล้วไม่ได้ฉีดอีกเลย เพราะ หนูเลี้ยงฉีดยาตลอดไม่มีเชื้อจึงไม่ฉีดต่อ (ปัจจุบันปรกติดี)
คุณแม่ M - ลูกชาย 5 ขวบ ถูกสุนัขกัดเอว แต่ไม่เข้าเป็นรอยถลอกเล็กน้อย ฉีดวัคซีนและ ฉีดเซรุ่ม (ปัจจุบันปรกติดี)
ลูกสาว - 7 ขวบ ถูกลิงกัดปลายนิ้ว เลือดออกเล็กน้อย ฉีดครบ 5 เข็มแล้ว (ปัจจุบันปรกติดี)


สรุปแล้ว แบบไหนถูกต้องที่สุด? เซรุ่มเหยียบหมื่นที่หมอแนะนำแม่ M.จำเป็นจริงๆหรือไม่?



---------------------------------------------
ข้อมูลจากพยาบาลรพ.รัฐ

วัคซีนป้องกันพิษสุนัขบ้า สำหรับผู้ที่สัมผัสเชื้อพิษสุนัขบ้า ผ่านสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม (เช่น สุนัข แมว ลิง เป็นต้น) เรียกอีกอย่างว่า PCEC (purified chick embryo vaccine) จะมีการนัดฉีด 1 ครอส แบ่งเป็นวิธีฉีดได้สองแบบคือ

1. ฉีดเข้าชั้นผิวหนัง (Intra-dermal) โดยจะฉีดเข้าผิวหนังที่หัวไหล่ ครั้งละ 0.1 ซีซี หัวไหล่สองข้าง ลักษณะจะเป็นตุ่มวงกลมขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 0.5 ซม. นูนขึ้นมาเล็กน้อย เนื่องจากวัคซีนในชั้นผิวหนัง นัดฉีดทั้งหมด 4 ครั้ง ในวันที่ 0, 3, 7 และ 28 หลังสัมผัสเชื้อ หรือวันที่ไปตรวจขอรับวัคซีน (วันที่ฉัดเข็มแรกนับเป็นวันที่ 0 ค่ะ) การฉัดวิธีนี้จะเจ็บน้อยมาก เพราะใช้เข็มขนาดเล็กมากเบอร์ 26-27 หรือเข็มฉีดอิซูลินฉีด และวิธีการฉีดเป็นการสกิดผิวหนังเพียงเล็กน้อน

2. ฉีดเข้ากล้านเนื้อ (Intramuscular) โดยจะฉีดเข้ากล้ามเนื้อโดยมากที่หัวไหล่ข้างเดียว หรือในเด็กเล็กที่ดิ้นมากๆอาจฉีดที่สะโพกได้ โดยฉีดครั้งละ 0.5 ซีซี นัดฉีดทั้งหมด 5 ครั้ง ในวันที่ 0, 3, 7 , 14 และ 28 หลังสัมผัสเชื้อ หรือวันที่ไปตรวจขอรับวัคซีน (วันที่ฉัดเข็มแรกนับเป็นวันที่ 0 ค่ะ) วิธีการฉีดวิธีนี้จะเจ็บกว่าวิธีแรก เพราะใช้เข็มที่ยาวกว่าแทงเข้าไปในกล้ามเนื้อ

ซึ่งวิธีในการฉีดทั้งสองแบบนั้น เจ้าหน้าที่จะเลือกตามความเหมาะสมของบุคคลและทรัพยากรค่ะ แต่ประสิทธิภาพของวัคซีนเทียบเท่ากันค่ะ อย่างที่ดิฉันทำงานอยู่ มักจะฉีดเข้าชั้นผิวหนังค่ะ เพราะประหยัดทรัพยากรมากกว่า 1 ขวดมี 1 ซีซี สามารถแบ่งฉีดได้ 4-5 ครั้งค่ะ (ครั้งละ 0.2 แบ่งฉีดหัวไหล่สองข้าง ข้างละ 0.1 ซีซี) แต่ในเด็กเล็กที่ดิ้นมาก จะฉีดแบบเข้ากล้ามเนื้อ 0.5 ซีซี ค่ะ ซึ่งโดยมากโรงพยาบาลเอกชนจะฉีดแบบนี้ทั้งในเด็กและผู้ใหญ่ เหตุผลอาจมาจากรายได้จากการมาฉีดวัคซีนค่ะ อันนี้ไม่ว่ากัน

สำหรับราคานะค่ะ วัคซีนนี้ราคาค่อนข้างแพงค่ะ ประมาณ 500 บาทต่อเข็ม สำหรับโรงพบาลที่ดิฉันทำงานอยู่เป็นของรัฐบาล ค่าใช้จ่ายถ้าชำระเงินจะอยู่ที่ 370 บาท แต่ไม่ใช่ว่าราคาจะเท่ากันทุกที่นะค่ะ แล้วแต่ว่าโรงบาลแต่ละแห่งมีต้นทุนเท่าไหร่

เพิ่มเติมนะค่ะ ถ้าแผลจากการถูกสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมกัด มีขนาดใหญ่ เหวอะหวะ อยู่บริเวณใบหน้า หรือใกล้ระบบประสาท จะมีวัคซีนที่ต้องฉีดเพิ่มคือ ERIG (Equine Rabies Immunoglobulin) โดยคำนวณ ขนาดวัคซีนที่ต้องได้รับจากน้ำหนักตัวค่ะ ฉัดรอบแผล หากฉีดรอบแผลไม่หมด จะฉัดเข้ากล้ามเน้อค่ะ โดยมากสะโพก

อีกอย่างนะค่ะ สำหรับผู้ที่ไม่เคยได้รับวัคซีนป้องกันบาดทะยักมาก่อน ในระยะเวลา 2-5 ปี หรือบางที่อาจอนุโลมถึง 10 ปี จำเป็นต้องได้รับวัคซีนป้องกันโรคบาดทะยักด้วยนะค่ะ นัดฉีดทั้งหมด 3 ครั้ง คือ เดือนที่ 0, 1 และ 7 หลังสัมผัสเชื้อ โดยเดือนที่ 0 คือวันที่ไปตรวจรับวัคซีน วันเดียวกับที่ฉีดวัคซีนป้องกันพิษสุนัขบ้าค่ะ โดยถ้าฉีดครบจะสามารถป้องกันโรคบาดทะยักได้ประมาณ 10 ปี แต่ไม่ไช่ว่าจะประมาทได้นะค่ะ ทุกครั้งที่มีบาดแผลสัมผัสสิ่งสกปรกต้องให้เจ้าหน้าที่ประเมิน ว่าต้องรับวัคซีนเพิ่มอีกไหม วัคซีนตัวนี้จะมีผลข้างเคียงคือ มีอาการปวดเล็กน้อยหลังฉีดค่ะ อาจมีอาการบวม แดง คันรอบๆที่ฉีด และอาจมีไข้ได้ เนื่องจากเป็นวัคซีนที่มีชีวิต อาจกระตุ้นให้มีไข้ได้ โดยมากอาการเหล่านี้จะหายใน 1-3 วันค่ะ แนะนำให้ฉีดต้นแขน/หัวไหล่ ข้างที่ไม่ถนัดนะค่ะ

--------------------------------------
ข้อมูลจากตัวแทนนำเข้าวัคซีน- เซรุ่ม พอดีน้องที่รู้จักเป็นผู้แทนบริษัทมีนำเข้าวัคซีนของ Rabies Virus (โรคพิษสุนัขบ้า) 
เค๊าแชร์ข้อมูลมาดังนี้

การสัมผัสโรค มี 3 ระดับค่ะ
Cat1. สัตว์เลียแขน/ขา/มือ ไม่ต้องฉีด RIG (เซรุ่ม)
Cat2. สัตว์ข่วน/ ทำให้ถลอก/กัดแต่ไม่เข้า (ลักษณะเป็นจ้ำๆ) หรือ เลียที่แผลของมนุษย์
Cat3. สัตว์กัด/ข่วน เป็นแผล หรือสัตว์เลียตา
———————-
ในกรณี Cat2 ในบางเคส 
แพทย์จะพิจารณาอย่างละเอียดมาก เนื่องจากโรคนี้ เป็นแล้วจะเสียชีวิต
**บางเคสโดนสุนัขกัดผ่านกางเกงยีนส์ ไม่มีแผล แต่เป็นจ้ำ (อยู่ใน Cat2) แพทย์ก็จะป้องกันโดยการฉีด RIG ให้คะ**

ส่วน Cat3 นี่ต้องฉีด RIG แน่นอนค่ะ ไม่ว่าจะแค่ถลอก แต่ถ้ามีเลือดออกนิดหน่อย ก็ฉีดเลย
ลิ้งข้อมูลของสถานเสาวภา (กาชาด) http://saovabha.redcross.or.th/.../QsmiGuidline2016.pdf


RIG (เซรุ่ม) มี 2 ชนิด ซึ่งทั้ง 2 ชนิด เป็น เซรุ่ม ชนิด immunoglobulin (ภูมิคุ้มกันขึ้นทันที แตกต่างจากวัคซีนปกติค่ะ) RIG สามารถป้องกันโรค พิษสุนัขบ้า มี 2 ชนิด ดังนี้ค่ะ

1. HRIG = (Human Rabies immuno) สกัดจากมนุษย์ ข้อดีคือ ไม่ก่อให้เกิดการแพ้ (เป็นตุ่ม/ผื่น บวม หรืออาการข้างเคียง) ก่อนใช้งาน ไม่ต้องทำ Skin test 
ข้อเสีย คือ ราคาสูง / บางครั้งอาจจะไม่เพียงพอต่อความต้องการ ผลิตยาก

2. ERIG = (Equine Rabies immuno) สกัดจากม้าเลี้ยง 
ข้อดี ราคาถูก / หาใช้งานได้ง่าย
ข้อเสีย ในผู้ป่วยบางรายอาจเกิดการแพ้ ต้องมีการทำ Skin Test ก่อนให้ ERIG 30 นาที

การใช้งาน RIG จะใช้ตามน้ำหนักตัวของคนไข้ค่ะ

ถ้าโดนกัดตามแขน/ขา ก็จะฉีด RIG รอบๆ แผล (เจ็บแน่นอนค่ะ เพราะจะต้องชอนไช เข็มไปรอบๆแผล)

ถ้าสัตว์เลียตา จะนำRIG มาล้างตา เพราะ เชื้ออาจจะเข้าไปในเยื่อบุ ได้คะ

ใน รพ.เอกชน ส่วนใหญ่จะใช้ HRIG เป็นหลัก แต่ถ้าสินค้าขาดตลาด ก็จะใช้ ERIG แทน

ส่วน รพ.รัฐบาล ส่วนใหญ่จะเป็น ERIG ค่ะ
--------------------------------------------

ข้อมูลจากเภสัชกร รพ.รัฐ

ERIG/HRIG ใช้เฉพาะเคสที่ซีเรียสจริงๆมีเลือดออก ยิ่งในบริเวณที่มีเส้นเลือดเยอะ 
รัฐบาลใช้ HRIG ทุดเคสไม่ได้เพราะประชาชนไม่ได้ชำระเงินเอง ตามสิทธิ์ uc เงินมาจ่ายแค่ HRIG ก็ไม่พอแล้ว 
ส่วนใหญ่ใช้ERIG ราคาประหยัดกว่า นอกจาก test แล้วผล positive เมื่อเทียบกับ placebo ก็ใช้ HRIG 
แต่ถ้าช่วงไหน HRIG ไม่มีก็ต้องทำใจนิดนึงถ้าแพ้ ERIG ส่วนเอกชนธรรมดาของการทำรายได้และชาร์จเงินคนไข้ 
ถ้าสนใจ guideline ใหม่ก็ติดตามอ.ธีรวัฒน์ เหมะจุฑานะ เป็นอ.แพทย์จุฬา ปีนี้แนะนำให้ใช้ ERIG ปริมาณน้อยลง
เพราะบางที่ ผล positive ที่เกิด อาจเป็น false positive

Tuesday, July 18, 2017

ค่าเทอมชั้นประถม 1 โรงเรียนพระมารดานิจจานุเคราะห์ ปี 2560

ค่าเทอมชั้นประถม 1 โรงเรียนพระมารดานิจจานุเคราะห์  ปี 2560

ภาคปรกติ เทอมละ = 15,000 บาท
ปีแรกประถม1 บังคับลงเรียนโครงการสอนพิเศษหลังเลิกเรียน  จ.-พฤ ถึง 4 โมงเย็น  หรือ เสาร์ครึ่งวัน
ค่าเทอมจะอยู่ที่ประมาณ 19,000  บาท (ไม่รวมค่าแรกเข้า + อุปกรณ์ + ปรับพื้นฐานซัมเมอร์)
วิชาเสริมพิเศษเลือกเรียนตามชอบ วิชาละ 3,000-5,000 บาท

ภาคภาษาอังกฤษ  เทอมละ ประมาณ 110,000+ บาท
โครงการสอนพิเศษหลังเลิกเรียน  จะแพงกว่าภาคปรกติเล็กน้อย

รถตู้รับ-ส่ง นักเรียน แบ่งเป็นสายมีมากกว่า 43 เส้นทาง
เส้นทางของลูกสาวที่ใช้อยู่  4 กม. จาก โรงเรียน ค่ารถเทอมละ 8,200 บาท
ราคาตามระยะทาง รถหนึ่งคันรับเด็ก 12-20 คน (เบียดมากในบางคัน อยากใช้ รถ รร. ก็ต้องอดทน)

ทั้งโรงเรียน อนุบาล 1 - ม. 6 มีนักเรียน 4,800+  คน
จำนวนนักเรียน ป1. ปัจจุบัน มี 9 ห้อง ครูประจำชั้นห้้องละ 2 คน
ภาคปรกติ 7 ห้อง : ภาคภาษาอังกฤษ 2 ห้อง
ภาคปรกติ - ห้องละ 45 คน
ภาคภาษาอังกฤษ - ห้องละ 40 คน

Tuesday, July 4, 2017

Dark Side ของไอวี่

*** Dark Side ของไอวี่ ***

ไอวี่ : AK กระซิบบอกหนูว่า BTแอบรักหนูหละ!

แม่: เหรอ ..... เชื่อมั๊ย? แล้วรู้สึกยังงัย?

ไอวี่ : ก็ไม่รู้สิ ... แต่รู้สึกว่า BT หล่อสู้ปั๊บไม่ได้เลย ตัวดำแถมฟันหลอด้วย.. ^^"
หนูคิดว่าในรร.ของหนู ไม่มีใครหล่อสู้ปั๊บได้เลย (555 ฝังใจกับหนุ่มน้อยเพื่อนเก่าในดวงใจ)

แม่: แม่คิดว่าน้อง C ที่นังข้างๆหนู ก็หล่อดีนะถึงแม้จะน้อยกว่าปั๊บนิดนึง...ว่าแต่ C นิสัยดีมั๊ย?

ไอวี่: ไม่เลย เมื่อวาน C หยิกหนูเนื้อหลุด (ทำหน้าจริงจัง)

แม่: แล้วเลือดออกมั๊ย?

ไอวี่: ไม่ออก แต่เนื้อหลุดจริงๆนะแม่

แม่: เลือดไม่ออกแสดงว่าเนื้อยังไม่หลุดหนะ เข้าใจมั๊ย? (นึกในใจโอเว่อร์จริงลูกแม่)

ไอวี่: อ้าวเหรอ? ยังไม่หลุดหรอกเหรอ? (ยิ้มเขินๆ ... )

แม่ : แล้ว C หยิกหนูทำไม ? ...วันหลังบอกเค๊านะผู้ชายแกล้งผู้หญิงไม่ดี

ไอวี่: แต่...ก็เพราะหนูไปดันเค๊าก่อน

แม่: อ้าว...ไปดันเค๊าทำไมหละ?

ไอวี่: ก็หนูนิสัยไม่ดีเอง (ก้มหน้าพูดเบาๆ )

แม่: นิสัยไม่ดียังงัย?

ไอวี่ : ก็หนูอิจฉา ... C จดการบ้านเสร็จเร็ว วิ่งไปหาครูก่อนหนูก็เลยดัน

แม่: อ้าวทำไมยังงั้นหละ? จดการบ้านเร็วกว่าทำไมต้องอิจฉา??

ไอวี่: ก็ใครส่งก่อนคุณครูจะชอบชม หนูอยากได้คำชมจากคุณครูค่ะ

แม่: โถ...ครูก็เคยพูดชมหนูนี่นา ไปดันเพื่อนแบบนั้นนิสัยไม่ดีจริงๆนะ

ไอวี่: (ทำแก้มป่องปากแหลม) แต่เมื่อวานครูยังไม่ได้ชมหนูเลย

แม่: แบ่งๆเพื่อนบ้างก็ได้นะ เป็นเด็กนิสัยดี ต้องรู้จักแบ่งปันเข้าใจมั๊ย?

ไอวี่: ก็ได้ ค่ะ... (ตอบห้วนๆ แบบไม่ค่อยเต็มใจ เท่าไหร่ ^__^")



เด็กหนอเด็ก ต้องค่อยๆสอน ค่อยๆคุย อีกนานนนน

Monday, May 22, 2017

เทคนิคท่องศัพท์เด็กประถม

เปิดเรียนมาได้ 5 วัน การปรับตัวสำหรับเด็กทางเลือกที่เข้าสู่สายวิชาการแบบเต็มรูปแบบ
เป็นการปรับแบบคุณแม่ต้องเข็นและรับแรงกดดันอยู่เหมือนกัน

การบ้านที่ได้รับมาทุกวันคือท่องศัพท์ภาษาอังกฤษพร้อมคำแปล วันละ 5-7 คำ
ท่องจำเป็นสิ่งที่ค่อนข้างน่าเบื่อ และข้างยากสำหรับเด็กลั้ลลา มีการต่อต้านเล็กๆจากลูกสาว
แม่พยายามสอน แต่ไอวี่ไม่พยายามท่องเลย วันนี้ก็เหมือนเดิม ท่องไม่ค่อยได้


แม่: ไอวี่เมื่อวานหนูท่องศัพท์ได้มั๊ย?

ไอวี่ตอบเสียงเบาๆ   : "หนูท่องไม่ผ่าน"

แม่: แล้วคนอื่นมีใครผ่านมั๊ย?

ไอวี่ : มี  (ทำหน้าเศร้าแว็บนึง)


แรกสุดคุณแม่โกรธ เพราะแม่รู้ว่าหนูทำได้แต่หนูไม่อยากทำต่างหาก
แต่จะพูดหรือโกรธไปก็ไร้ประโยชน์ หาวิธีแก้ดีกว่า
จึงได้ลองค้นหาเทคนิคการท่องศัพท์สำหรับเด็ก
และบังเอิญเจอคลิปหนึ่งจาก สาระมี Channel ใน youtube

คุณครูแนะนำให้ ชวนเด็ก เล่นเป็นเกม Hangman เค๊าจะได้สนุกและไม่รู้สึกว่าท่องศัพท์
ระหว่างเล่นมีคำใบ้แปลความหมาย เด็กจะได้ทบทวนคำไปด้วย และใครเล่นแพ้ให้คัด 10 คำ
แนะนำให้คุณแม่แกล้งแพ้ ระหว่างคัดให้ลูกช่วยบอก เด็กจะได้ทบทวนคำอีก 10 ครั้ง
เป็นวิธีที่น่าสนใจทีเดียว  วันนี้จะเริ่มลองใช้วิธีนี้ดู เผื่อจะได้ผลที่ดีขึ้น


https://www.youtube.com/watch?v=uzN-dNYZ0L4


#hangman, #เทคนิคท่องศัพท์, #เด็กประถม

Monday, April 3, 2017

วิถีเอาตัวรอด

หลังจากลูกสาวถูกตีและโดนด่าว่าเด็กบ้า / โง่ /ซื่อบื้อ แม่โมโห+สงสารลูกจนเครียดไปหลายวัน ทุกคนบอกว่าสมควรคุยกับครู วันก่อนได้มีโอกาสคุยกับครูประจำชั้น ป.1 ของลูกสาว บอกย้ำครูไปว่าเรียนแนวทางเลือกมาครูช่วยใจเย็นๆกับลูกหน่อย
ครู: คุณแม่คะ เรื่องที่จะเรียนพิเศษ....บลาๆๆ

แม่: ออ ... ขอบคุณค่ะ .. เออ..เหมือนน้องถูกตีใช่มั้ยคะ (เปลี่ยนประเด็น)

ครู: ใช่ค่ะ แต่ที่นี่ มีตีนะคะ ถ้าเด็กไม่ตั้งใจ หรือเล่นซน บลาๆๆๆๆ

แม่: เข้าใจค่ะ แต่น้องอาจไม่ได้ยินคำสั่ง น้องบอกว่าน้องไม่เข้าใจว่าครูให้ทำอะไร แล้วเค้าทำอะไรผิด. ถ้ายังงัยรบกวนคุณครูช่วยบอกเหตุผลกำชับหลังตีได้มั้ยคะ? เพราะน้องเป็นเด็กมีเหตุผล ถ้าเค้าผิดเค๊าจะไม่เสียใจค่ะ

ครู: ครูก็บอกทุกครั้งนะคะก่อนจะทำโทษ

แม่: น้องอาจไม่ได้ยิน หรือไม่ได้ตั้งใจฟังตอนนั้น. ถ้ายังงัยรบกวนคุณครูช่วยบอกเหตุผล กำชับ หลังตีทุกครั้งนะคะ เพราะลูกถูกตี แล้วเค๊าเสียใจเพราะไม่ทราบสาเหตุ แม่เองก็ทุกข์ใจร้องไห้ ลูกเจ็บเราก็เจ็บสงสารเค๊าค่ะ

ครู: โอย..คุณแม่... ไม่ได้ตีแรงอะไรมากมาย

แม่: คือน้องบอกว่าเสียใจ ที่ครูว่าเค้า "โง่ " "ซื่อบื้อ"หนะค่ะ ( ยิงประเด็นหลัก- เก็บคำว่าเด็กบ้า ไว้)

ครู: ว๊ายยย...ไม่เคยพูดค่ะ. ไม่เคยว่าเด็กโง่ มันไม่สมควรมันไม่ดี ใช่ไหมไอวี่ ( หันไปบอกไอวี่) ครูไม่เคยว่าหนูว่าโง่นะคะ ...หนูจำผิดรึเปล่า?

ไอวี่ทำหน้าเฉยๆวาดรูปใกล้ๆแม่ไม่ตอบไม่สนใจ.แม่ลูบหัวไอวี่

แม่: ครูไม่ได้ว่าหนูโง่.โอเคนะคะ
ไอวี่พยักหน้าแล้วก้มหน้าก้มตาวาดรูปต่อ

แม่: งั้นก็ดีแล้วค่ะ คุยกันจะได้เข้าใจกัน. สงสัยไอวี่จะเข้าใจผิด เคยได้ยิน ผปค. ชมว่าคุณครูเก่ง คงสอนไอวี่ให้ไม่โง่ได้อยู่แล้ว ^_^

ครู: ถ้าไว้ใจครู เรียนส่วนตัวกับครูได้นะรับรองไอวี่จะเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น

แม่: ยิ้มอ่อน.... (เหอๆๆ)

*********************
ระหว่างจูงลูกสาวกลับบ้าน

แม่: แม่เชื่อหนู ตกลงครูพูดว่าหนูใช่มั้ย?

ลูกสาว: (ทำหน้ามุ่ย) ใช่ครูพูดจริงๆหนูได้ยิน

แม่: แล้วทำไมไม่เถียงหละ?

ลูกสาว: เถียงครูก็โดนตีสิ ! แต่หนูไม่เข้าใจทำไมครูชอบโกหก

ลูกสาว: คราวหน้าหนูจะขอใส่เสื้อแขนยาวไป ถูกตีจะได้เจ็บน้อยๆ แม่: ..... (เออลูกเราก็คงเอาตัวรอดได้เนอะ)

Wednesday, March 8, 2017

เชื่อเรื่องดวงมั๊ย? โรงเรียนของลูก เราเลือกเองทั้งหมด

เชื่อเรื่องดวงมั๊ย? .. ส่วนตัวเชื่อค่ะ
ตัวอย่าง โรงเรียนของลูก เราเลือกเองทั้งหมดไม่ได้เพราะกึ่งนึงน่าจะมาจากฟ้าลิขิตเส้นทาง

ชั้นเตรียมอนุบาล 
พ่อแม่ไปดู รร.วัฒนานิเวศน์ รร. แนวบูรณาการแถวๆโชคชัย4 มา 2 รอบ ชอบแนวการเรียนและคุณครู (โดยเฉพาะครูนิจ) ตั้งใจเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าจะไปแน่นอน เอาระเบียบการมาเรียบร้อย  แต่ถัดมาไม่กี่สัปดาห์คุณแม่บังเอิญเจอเพื่อนเก่าที่ไม่ได้เจอมา 10 กว่าปีที่สถาบันฝึกพัฒนาการเด็ก
IQ KID PLANER   เพื่อนคุณแม่แนะนำว่ามีโรงเรียนชื่ออนุบาลช้างเผือกแถวๆลาดพร้าว (ใกล้บ้านแม่เลย) บรรยากาศดี ลองไปดูมั๊ย?  แนวทางโรงเรียนแม่ไม่ได้อิน หรือชื่นชอบเลย เพราะเป็นแนวเล่นไม่เน้นเรียน ยังชอบที่เดิมมากกว่า  แต่บังเอิญบรรยากาศโรงเรียน โลโก้ ชื่อห้องเรียน และชุดคุณครูที่ดูมีตีมสีครีมเขียว ดูดี มีคอเส็ปต์ มีดีไซน์ ตรงจริตกับแม่คือชอบบรรยากาศมากๆเลยชวนพ่อมาดูโรงเรียนด้วย  พ่อดูปั๊บตัดสินใจวันนั้นว่าจะให้ไอวี่เรียนที่นี่     สุดท้าย...ก็มาเริ่มเรียนที่อนุบาลช้างเผือกจริงๆ

ชั้น อ.2 จะขึ้น อ.3
หลายๆคนกังวลว่า ป.1 จะไม่มีที่เรียน เพราะอนุบาลช้างเผือกเป็นแนวทางเลือกเด็กๆส่วนใหญ่ยังอ่านไม่ออกเขียนไม่ได้ จะสอบที่ไหน ถ้าไม่ติวสอบเข้ายากมาก และมีแค่ชั้นอนุบาล3 ไม่มีชั้นประถม  บวกกับปัญหาค่าเทอมที่จู่ๆขึ้นพรวดเกือบ 30
% ในปีนั้น  ดังนั้นจึงเห็นสมควรควรย้ายตั้งแต่ อ.3 เพื่อไปฝึกวิชาการเตรียมสอบ ป1. ที่ รร.อุดมศึกษา  ใช้เวลาเกือบ 1 เดือนในการพูดจาชักจูงให้ลูกอยากเปลี่ยนที่เรียน

วันที่ไปขอใบรับรองเพื่อสมัครเรียนต่อ เจอคุณครูใหญ่เรียกคุยเสนอทุนการศึกษาบางส่วนช่วยสนับสนุนให้เรียนต่ออนุบาลช้างเผือกต่อจนจบ อ.3  แต่เราเองก็ตั้งใจจะย้ายเต็มที่จึงเดินหน้าสมัครเรียนที่โรงเรียนอุดมศึกษา  ในวันที่เตรียมใบสมัครเรียบร้อยกำลังเก็บเข้าซองเพื่อไปยื่นที่ รร.ใหม่ เอกสารยังร้อนๆอยู่เลย....  จู่ๆพี่ชายโทรศัพท์มาบอกว่าให้น้องเรียนต่อที่เดิมเถอะ (เหตุผล....หลายอย่าง บลาๆๆๆ  และอนุญาตให้เราไม่ต้องทำงานวันศุกร์เพื่อให้โอกาสเรามีเวลาฝึกสอนศิลปะนอกเวลาให้เด็กๆที่ช้างเผือกด้วย )  สุดท้าย...ด้วยหลายๆปัจจัย ลูกยังคงต้องเรียนต่อที่อนุบาลช้างเผือกจนจบอนุบาล3
ขึ้น ป1.
พาไอวี่ไปสอบหลายที่มาก สาธิตประสานมิตร,พระมารดานิจจานุเคราะห์, ลาดพร้าวสองภาษา, สาธิตราม, และ พระยาประเสริฐ
ผลส่วนใหญ่สอบไม่ติด ...อย่างที่เคยคุยว่า เด็กอนุบาลช้างเผือกเป็นแนวทางเลือกเด็กๆส่วนใหญ่ยังอ่านไม่ออกเขียนไม่ได้ จะสอบที่ไหน ถ้าไม่ติวสอบเข้ายากมาก การสอบไม่ติดจึงเป็นเรื่องปรกติ  ยิ่งบางโรงเรียนข้อสอบโหด หรือไม่ก็คู่แข่งเยอะ

ยังโชคดีที่สอบเข้า โรงเรียนพระยาประเสริฐ (พปส.) ภาคภาษาอังกฤษ ได้คะแนนลำดับเกือบสุดท้ายที่รับ (รับ 70 ได้ที่ 68)  คุณแม่ดีใจที่ไอวี่มีที่เรียนต่อแล้ว และได้มีเพื่อนๆจากอนุบาลช้างเผือกไปเรียนด้วยกัน ที่ พปส.  แล้วเหตุการณ์เดิมๆเหมือนซ้ำสองก็เกิดขึ้น แม่เตรียมเอกสารมอบตัวที่ พปส. เรียบร้อยอีก 8 วันจะมอบตัว  จู่ๆโรงเรียนพระมารดานิจจานุเคราะห์ ที่ลูกเคยไปสอบแล้วสอบไม่ติด โทรมา บอกว่าถ้ายังประสงค์จะเรียนที่ รร.นี้ให้มามอบตัวและจ่ายเงินภายวันพรุ่งนี้  มีโอกาสให้ตัดสินใจ 1 วัน - * -   แล้วเสียงส่วนใหญ่ในครอบครัวก็ลงมติให้น้องไปเรียนที่ โรงเรียนพระมารดานิจจานุเคราะห์

พูดถึง  โรงเรียนพระมารดานิจจานุเคราะห์
ครั้งแรกที่ได้ยินชื่อนี้  จากเพื่อนบ้าน ที่ลูกชายเรียนอยู่เค๊าบอกว่าดีจริงๆ
ครั้งที่สอง ตอนจะย้าย รร. ชั้น อ.2  ไปดู รร .มาชอบบรรยากาศ แต่วิชาการดูเข้มๆ ครูดูขรึมๆ ก็เลยไม่ได้คิดจะไปอีก เพราะเลือกใกล้ที่ทำงานน่าจะสะดวกกว่า

ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3  เหมือนจะเป็นดวง...
เพราะเมื่อต้นปี  มีเหตุให้ต้องย้ายมาอยู่แถวๆบางกะปิ
และพ่อแม่เอง มีจิตวิญญาณสายทางเลือกเยอะ ไม่เคยคิดจะพาไอวี่ไปสอบป.1 โรงเรียนพระมารดานิจจานุเคราะห์   เพราะได้ยินมาว่าที่นี่สายแข็ง เร่งเรียน ข้อสอบที่นี่เด็กอ่านเอง ครูไม่อ่านให้ ลูกเราอ่านไม่ออกเขียนไม่เก่ง ยังงัยก็ไม่ติดหรอก ก็ไม่สนใจจะติดตาม...

แล้ว วันหนึ่งตอนบ่ายโมงกว่าๆ เพื่อนใจดีโทรมาบอกคุณแม่ว่า
" โรงเรียนพระมารดานิจจานุเคราะห์ อยู่ใกล้ที่พักเธอนี่เพิ่งย้ายมาไม่ใช่เหรอ และตอนนี้มีรับสมัครสอบพอดี น่าจะพาน้องไปสอบดูนะ"   เราก็บ้าจี้ ทั้งๆที่คิดว่าจะไม่พาไปสอบ ไม่รู้นึกอย่างไร กดเข้าไปดูเว็บปรากฏว่า รับสมัครวันนี้เป็นวันสุดท้าย และเปิดรับสมัครถึงบ่าย 3 โมงเท่านั้นและ สอบพรุ่งนี้เลย  ...

แว่บ
!!! ในความคิด หรือจะเป็นดวง?  ที่ทำให้เราต้องย้ายมาอยู่ใกล้ รร. และดลใจให้เพื่อนโทรมาบอกข่าววันสุดท้าย ชั่วโมงเกือบสุดท้ายแบบนี้  ?  วัดดวงละกัน!!!  ถ้าดวงไอวี่จะได้เรียนที่นี่ อ่านไม่ออกก็คงไม่ใช่ประเด็นเพราะมันคือ  "ดวงล้วนๆ"   ถ้าสอบได้ก็จะให้ไอวี่เรียนละกัน

แม่ตัดสินใจกระโดดขึ้นแท็กซี่ตัวเปล่าไปซื้อใบสมัครแบบ...งง... งง... ไปถึง รร.บ่ายสองกว่าๆ (ปิดรับสมัคร 15.00 น.) เจ้าหน้าที่ขอเอกสาร แต่เอกสารไม่มีเพราะรีบมา เจ้าหน้าที่บอกว่าไม่มีเอกสารไม่สามารถขายใบสมัคร  แม่เลยบอกเค๊าไปตรงๆว่าเพิ่งรู้ข่าวไม่ถึงชั่วโมงแล้วรีบมาเลย กลัวมาไม่ทันบ่ายสาม  เจ้าหน้าที่เลยอนุโลมขายใบสมัครให้  ตอนสอบเสร็จ...ไอวี่บอกว่ามันยากม๊ากกก ... หนูมั่นใจ
!!! สอบไม่ติดหรอก เพราะหนูอ่านไม่ออกเลย ไม่รู้ว่าถามอะไร  และก็สอบไม่ติดจริงๆ แม่ก็ไม่ได้ติดใจอะไร เพราะก็ไม่ได้ชอบสายแข็งมากมายนักแค่มาเพราะคิดว่าดวง

แต่วันนี้ ...ได้เรียน  ป.1 พระมารดานิจจานุเคราะห์เรียบร้อย เพราะ2 วันก่อนเค๊าโทรมาตามบอกมีที่ว่างสำหรับไอวี่ สนใจเรียนมั๊ย???  โทรมาก่อนที่จะไปมอบตัวอีกโรงเรียนนึง  8 วัน และแรงกระตุ้นของคนในครอบครัวคุณแม่ที่มุ่งหวังและปราถนาให้ไอวี่เรียนที่นี่นักหนา

มัน .... แปลกดีนะ