Tuesday, July 18, 2017

ค่าเทอมชั้นประถม 1 โรงเรียนพระมารดานิจจานุเคราะห์ ปี 2560

ค่าเทอมชั้นประถม 1 โรงเรียนพระมารดานิจจานุเคราะห์  ปี 2560

ภาคปรกติ เทอมละ = 15,000 บาท
ปีแรกประถม1 บังคับลงเรียนโครงการสอนพิเศษหลังเลิกเรียน  จ.-พฤ ถึง 4 โมงเย็น  หรือ เสาร์ครึ่งวัน
ค่าเทอมจะอยู่ที่ประมาณ 19,000  บาท (ไม่รวมค่าแรกเข้า + อุปกรณ์ + ปรับพื้นฐานซัมเมอร์)
วิชาเสริมพิเศษเลือกเรียนตามชอบ วิชาละ 3,000-5,000 บาท

ภาคภาษาอังกฤษ  เทอมละ ประมาณ 110,000+ บาท
โครงการสอนพิเศษหลังเลิกเรียน  จะแพงกว่าภาคปรกติเล็กน้อย

รถตู้รับ-ส่ง นักเรียน แบ่งเป็นสายมีมากกว่า 43 เส้นทาง
เส้นทางของลูกสาวที่ใช้อยู่  4 กม. จาก โรงเรียน ค่ารถเทอมละ 8,200 บาท
ราคาตามระยะทาง รถหนึ่งคันรับเด็ก 12-20 คน (เบียดมากในบางคัน อยากใช้ รถ รร. ก็ต้องอดทน)

ทั้งโรงเรียน อนุบาล 1 - ม. 6 มีนักเรียน 4,800+  คน
จำนวนนักเรียน ป1. ปัจจุบัน มี 9 ห้อง ครูประจำชั้นห้้องละ 2 คน
ภาคปรกติ 7 ห้อง : ภาคภาษาอังกฤษ 2 ห้อง
ภาคปรกติ - ห้องละ 45 คน
ภาคภาษาอังกฤษ - ห้องละ 40 คน

Tuesday, July 4, 2017

Dark Side ของไอวี่

*** Dark Side ของไอวี่ ***

ไอวี่ : AK กระซิบบอกหนูว่า BTแอบรักหนูหละ!

แม่: เหรอ ..... เชื่อมั๊ย? แล้วรู้สึกยังงัย?

ไอวี่ : ก็ไม่รู้สิ ... แต่รู้สึกว่า BT หล่อสู้ปั๊บไม่ได้เลย ตัวดำแถมฟันหลอด้วย.. ^^"
หนูคิดว่าในรร.ของหนู ไม่มีใครหล่อสู้ปั๊บได้เลย (555 ฝังใจกับหนุ่มน้อยเพื่อนเก่าในดวงใจ)

แม่: แม่คิดว่าน้อง C ที่นังข้างๆหนู ก็หล่อดีนะถึงแม้จะน้อยกว่าปั๊บนิดนึง...ว่าแต่ C นิสัยดีมั๊ย?

ไอวี่: ไม่เลย เมื่อวาน C หยิกหนูเนื้อหลุด (ทำหน้าจริงจัง)

แม่: แล้วเลือดออกมั๊ย?

ไอวี่: ไม่ออก แต่เนื้อหลุดจริงๆนะแม่

แม่: เลือดไม่ออกแสดงว่าเนื้อยังไม่หลุดหนะ เข้าใจมั๊ย? (นึกในใจโอเว่อร์จริงลูกแม่)

ไอวี่: อ้าวเหรอ? ยังไม่หลุดหรอกเหรอ? (ยิ้มเขินๆ ... )

แม่ : แล้ว C หยิกหนูทำไม ? ...วันหลังบอกเค๊านะผู้ชายแกล้งผู้หญิงไม่ดี

ไอวี่: แต่...ก็เพราะหนูไปดันเค๊าก่อน

แม่: อ้าว...ไปดันเค๊าทำไมหละ?

ไอวี่: ก็หนูนิสัยไม่ดีเอง (ก้มหน้าพูดเบาๆ )

แม่: นิสัยไม่ดียังงัย?

ไอวี่ : ก็หนูอิจฉา ... C จดการบ้านเสร็จเร็ว วิ่งไปหาครูก่อนหนูก็เลยดัน

แม่: อ้าวทำไมยังงั้นหละ? จดการบ้านเร็วกว่าทำไมต้องอิจฉา??

ไอวี่: ก็ใครส่งก่อนคุณครูจะชอบชม หนูอยากได้คำชมจากคุณครูค่ะ

แม่: โถ...ครูก็เคยพูดชมหนูนี่นา ไปดันเพื่อนแบบนั้นนิสัยไม่ดีจริงๆนะ

ไอวี่: (ทำแก้มป่องปากแหลม) แต่เมื่อวานครูยังไม่ได้ชมหนูเลย

แม่: แบ่งๆเพื่อนบ้างก็ได้นะ เป็นเด็กนิสัยดี ต้องรู้จักแบ่งปันเข้าใจมั๊ย?

ไอวี่: ก็ได้ ค่ะ... (ตอบห้วนๆ แบบไม่ค่อยเต็มใจ เท่าไหร่ ^__^")



เด็กหนอเด็ก ต้องค่อยๆสอน ค่อยๆคุย อีกนานนนน

Monday, May 22, 2017

เทคนิคท่องศัพท์เด็กประถม

เปิดเรียนมาได้ 5 วัน การปรับตัวสำหรับเด็กทางเลือกที่เข้าสู่สายวิชาการแบบเต็มรูปแบบ
เป็นการปรับแบบคุณแม่ต้องเข็นและรับแรงกดดันอยู่เหมือนกัน

การบ้านที่ได้รับมาทุกวันคือท่องศัพท์ภาษาอังกฤษพร้อมคำแปล วันละ 5-7 คำ
ท่องจำเป็นสิ่งที่ค่อนข้างน่าเบื่อ และข้างยากสำหรับเด็กลั้ลลา มีการต่อต้านเล็กๆจากลูกสาว
แม่พยายามสอน แต่ไอวี่ไม่พยายามท่องเลย วันนี้ก็เหมือนเดิม ท่องไม่ค่อยได้


แม่: ไอวี่เมื่อวานหนูท่องศัพท์ได้มั๊ย?

ไอวี่ตอบเสียงเบาๆ   : "หนูท่องไม่ผ่าน"

แม่: แล้วคนอื่นมีใครผ่านมั๊ย?

ไอวี่ : มี  (ทำหน้าเศร้าแว็บนึง)


แรกสุดคุณแม่โกรธ เพราะแม่รู้ว่าหนูทำได้แต่หนูไม่อยากทำต่างหาก
แต่จะพูดหรือโกรธไปก็ไร้ประโยชน์ หาวิธีแก้ดีกว่า
จึงได้ลองค้นหาเทคนิคการท่องศัพท์สำหรับเด็ก
และบังเอิญเจอคลิปหนึ่งจาก สาระมี Channel ใน youtube

คุณครูแนะนำให้ ชวนเด็ก เล่นเป็นเกม Hangman เค๊าจะได้สนุกและไม่รู้สึกว่าท่องศัพท์
ระหว่างเล่นมีคำใบ้แปลความหมาย เด็กจะได้ทบทวนคำไปด้วย และใครเล่นแพ้ให้คัด 10 คำ
แนะนำให้คุณแม่แกล้งแพ้ ระหว่างคัดให้ลูกช่วยบอก เด็กจะได้ทบทวนคำอีก 10 ครั้ง
เป็นวิธีที่น่าสนใจทีเดียว  วันนี้จะเริ่มลองใช้วิธีนี้ดู เผื่อจะได้ผลที่ดีขึ้น


https://www.youtube.com/watch?v=uzN-dNYZ0L4


#hangman, #เทคนิคท่องศัพท์, #เด็กประถม

Monday, April 3, 2017

วิถีเอาตัวรอด

หลังจากลูกสาวถูกตีและโดนด่าว่าเด็กบ้า / โง่ /ซื่อบื้อ แม่โมโห+สงสารลูกจนเครียดไปหลายวัน ทุกคนบอกว่าสมควรคุยกับครู วันก่อนได้มีโอกาสคุยกับครูประจำชั้น ป.1 ของลูกสาว บอกย้ำครูไปว่าเรียนแนวทางเลือกมาครูช่วยใจเย็นๆกับลูกหน่อย
ครู: คุณแม่คะ เรื่องที่จะเรียนพิเศษ....บลาๆๆ

แม่: ออ ... ขอบคุณค่ะ .. เออ..เหมือนน้องถูกตีใช่มั้ยคะ (เปลี่ยนประเด็น)

ครู: ใช่ค่ะ แต่ที่นี่ มีตีนะคะ ถ้าเด็กไม่ตั้งใจ หรือเล่นซน บลาๆๆๆๆ

แม่: เข้าใจค่ะ แต่น้องอาจไม่ได้ยินคำสั่ง น้องบอกว่าน้องไม่เข้าใจว่าครูให้ทำอะไร แล้วเค้าทำอะไรผิด. ถ้ายังงัยรบกวนคุณครูช่วยบอกเหตุผลกำชับหลังตีได้มั้ยคะ? เพราะน้องเป็นเด็กมีเหตุผล ถ้าเค้าผิดเค๊าจะไม่เสียใจค่ะ

ครู: ครูก็บอกทุกครั้งนะคะก่อนจะทำโทษ

แม่: น้องอาจไม่ได้ยิน หรือไม่ได้ตั้งใจฟังตอนนั้น. ถ้ายังงัยรบกวนคุณครูช่วยบอกเหตุผล กำชับ หลังตีทุกครั้งนะคะ เพราะลูกถูกตี แล้วเค๊าเสียใจเพราะไม่ทราบสาเหตุ แม่เองก็ทุกข์ใจร้องไห้ ลูกเจ็บเราก็เจ็บสงสารเค๊าค่ะ

ครู: โอย..คุณแม่... ไม่ได้ตีแรงอะไรมากมาย

แม่: คือน้องบอกว่าเสียใจ ที่ครูว่าเค้า "โง่ " "ซื่อบื้อ"หนะค่ะ ( ยิงประเด็นหลัก- เก็บคำว่าเด็กบ้า ไว้)

ครู: ว๊ายยย...ไม่เคยพูดค่ะ. ไม่เคยว่าเด็กโง่ มันไม่สมควรมันไม่ดี ใช่ไหมไอวี่ ( หันไปบอกไอวี่) ครูไม่เคยว่าหนูว่าโง่นะคะ ...หนูจำผิดรึเปล่า?

ไอวี่ทำหน้าเฉยๆวาดรูปใกล้ๆแม่ไม่ตอบไม่สนใจ.แม่ลูบหัวไอวี่

แม่: ครูไม่ได้ว่าหนูโง่.โอเคนะคะ
ไอวี่พยักหน้าแล้วก้มหน้าก้มตาวาดรูปต่อ

แม่: งั้นก็ดีแล้วค่ะ คุยกันจะได้เข้าใจกัน. สงสัยไอวี่จะเข้าใจผิด เคยได้ยิน ผปค. ชมว่าคุณครูเก่ง คงสอนไอวี่ให้ไม่โง่ได้อยู่แล้ว ^_^

ครู: ถ้าไว้ใจครู เรียนส่วนตัวกับครูได้นะรับรองไอวี่จะเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น

แม่: ยิ้มอ่อน.... (เหอๆๆ)

*********************
ระหว่างจูงลูกสาวกลับบ้าน

แม่: แม่เชื่อหนู ตกลงครูพูดว่าหนูใช่มั้ย?

ลูกสาว: (ทำหน้ามุ่ย) ใช่ครูพูดจริงๆหนูได้ยิน

แม่: แล้วทำไมไม่เถียงหละ?

ลูกสาว: เถียงครูก็โดนตีสิ ! แต่หนูไม่เข้าใจทำไมครูชอบโกหก

ลูกสาว: คราวหน้าหนูจะขอใส่เสื้อแขนยาวไป ถูกตีจะได้เจ็บน้อยๆ แม่: ..... (เออลูกเราก็คงเอาตัวรอดได้เนอะ)

Wednesday, March 8, 2017

เชื่อเรื่องดวงมั๊ย? โรงเรียนของลูก เราเลือกเองทั้งหมด

เชื่อเรื่องดวงมั๊ย? .. ส่วนตัวเชื่อค่ะ
ตัวอย่าง โรงเรียนของลูก เราเลือกเองทั้งหมดไม่ได้เพราะกึ่งนึงน่าจะมาจากฟ้าลิขิตเส้นทาง

ชั้นเตรียมอนุบาล 
พ่อแม่ไปดู รร.วัฒนานิเวศน์ รร. แนวบูรณาการแถวๆโชคชัย4 มา 2 รอบ ชอบแนวการเรียนและคุณครู (โดยเฉพาะครูนิจ) ตั้งใจเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าจะไปแน่นอน เอาระเบียบการมาเรียบร้อย  แต่ถัดมาไม่กี่สัปดาห์คุณแม่บังเอิญเจอเพื่อนเก่าที่ไม่ได้เจอมา 10 กว่าปีที่สถาบันฝึกพัฒนาการเด็ก
IQ KID PLANER   เพื่อนคุณแม่แนะนำว่ามีโรงเรียนชื่ออนุบาลช้างเผือกแถวๆลาดพร้าว (ใกล้บ้านแม่เลย) บรรยากาศดี ลองไปดูมั๊ย?  แนวทางโรงเรียนแม่ไม่ได้อิน หรือชื่นชอบเลย เพราะเป็นแนวเล่นไม่เน้นเรียน ยังชอบที่เดิมมากกว่า  แต่บังเอิญบรรยากาศโรงเรียน โลโก้ ชื่อห้องเรียน และชุดคุณครูที่ดูมีตีมสีครีมเขียว ดูดี มีคอเส็ปต์ มีดีไซน์ ตรงจริตกับแม่คือชอบบรรยากาศมากๆเลยชวนพ่อมาดูโรงเรียนด้วย  พ่อดูปั๊บตัดสินใจวันนั้นว่าจะให้ไอวี่เรียนที่นี่     สุดท้าย...ก็มาเริ่มเรียนที่อนุบาลช้างเผือกจริงๆ

ชั้น อ.2 จะขึ้น อ.3
หลายๆคนกังวลว่า ป.1 จะไม่มีที่เรียน เพราะอนุบาลช้างเผือกเป็นแนวทางเลือกเด็กๆส่วนใหญ่ยังอ่านไม่ออกเขียนไม่ได้ จะสอบที่ไหน ถ้าไม่ติวสอบเข้ายากมาก และมีแค่ชั้นอนุบาล3 ไม่มีชั้นประถม  บวกกับปัญหาค่าเทอมที่จู่ๆขึ้นพรวดเกือบ 30
% ในปีนั้น  ดังนั้นจึงเห็นสมควรควรย้ายตั้งแต่ อ.3 เพื่อไปฝึกวิชาการเตรียมสอบ ป1. ที่ รร.อุดมศึกษา  ใช้เวลาเกือบ 1 เดือนในการพูดจาชักจูงให้ลูกอยากเปลี่ยนที่เรียน

วันที่ไปขอใบรับรองเพื่อสมัครเรียนต่อ เจอคุณครูใหญ่เรียกคุยเสนอทุนการศึกษาบางส่วนช่วยสนับสนุนให้เรียนต่ออนุบาลช้างเผือกต่อจนจบ อ.3  แต่เราเองก็ตั้งใจจะย้ายเต็มที่จึงเดินหน้าสมัครเรียนที่โรงเรียนอุดมศึกษา  ในวันที่เตรียมใบสมัครเรียบร้อยกำลังเก็บเข้าซองเพื่อไปยื่นที่ รร.ใหม่ เอกสารยังร้อนๆอยู่เลย....  จู่ๆพี่ชายโทรศัพท์มาบอกว่าให้น้องเรียนต่อที่เดิมเถอะ (เหตุผล....หลายอย่าง บลาๆๆๆ  และอนุญาตให้เราไม่ต้องทำงานวันศุกร์เพื่อให้โอกาสเรามีเวลาฝึกสอนศิลปะนอกเวลาให้เด็กๆที่ช้างเผือกด้วย )  สุดท้าย...ด้วยหลายๆปัจจัย ลูกยังคงต้องเรียนต่อที่อนุบาลช้างเผือกจนจบอนุบาล3
ขึ้น ป1.
พาไอวี่ไปสอบหลายที่มาก สาธิตประสานมิตร,พระมารดานิจจานุเคราะห์, ลาดพร้าวสองภาษา, สาธิตราม, และ พระยาประเสริฐ
ผลส่วนใหญ่สอบไม่ติด ...อย่างที่เคยคุยว่า เด็กอนุบาลช้างเผือกเป็นแนวทางเลือกเด็กๆส่วนใหญ่ยังอ่านไม่ออกเขียนไม่ได้ จะสอบที่ไหน ถ้าไม่ติวสอบเข้ายากมาก การสอบไม่ติดจึงเป็นเรื่องปรกติ  ยิ่งบางโรงเรียนข้อสอบโหด หรือไม่ก็คู่แข่งเยอะ

ยังโชคดีที่สอบเข้า โรงเรียนพระยาประเสริฐ (พปส.) ภาคภาษาอังกฤษ ได้คะแนนลำดับเกือบสุดท้ายที่รับ (รับ 70 ได้ที่ 68)  คุณแม่ดีใจที่ไอวี่มีที่เรียนต่อแล้ว และได้มีเพื่อนๆจากอนุบาลช้างเผือกไปเรียนด้วยกัน ที่ พปส.  แล้วเหตุการณ์เดิมๆเหมือนซ้ำสองก็เกิดขึ้น แม่เตรียมเอกสารมอบตัวที่ พปส. เรียบร้อยอีก 8 วันจะมอบตัว  จู่ๆโรงเรียนพระมารดานิจจานุเคราะห์ ที่ลูกเคยไปสอบแล้วสอบไม่ติด โทรมา บอกว่าถ้ายังประสงค์จะเรียนที่ รร.นี้ให้มามอบตัวและจ่ายเงินภายวันพรุ่งนี้  มีโอกาสให้ตัดสินใจ 1 วัน - * -   แล้วเสียงส่วนใหญ่ในครอบครัวก็ลงมติให้น้องไปเรียนที่ โรงเรียนพระมารดานิจจานุเคราะห์

พูดถึง  โรงเรียนพระมารดานิจจานุเคราะห์
ครั้งแรกที่ได้ยินชื่อนี้  จากเพื่อนบ้าน ที่ลูกชายเรียนอยู่เค๊าบอกว่าดีจริงๆ
ครั้งที่สอง ตอนจะย้าย รร. ชั้น อ.2  ไปดู รร .มาชอบบรรยากาศ แต่วิชาการดูเข้มๆ ครูดูขรึมๆ ก็เลยไม่ได้คิดจะไปอีก เพราะเลือกใกล้ที่ทำงานน่าจะสะดวกกว่า

ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3  เหมือนจะเป็นดวง...
เพราะเมื่อต้นปี  มีเหตุให้ต้องย้ายมาอยู่แถวๆบางกะปิ
และพ่อแม่เอง มีจิตวิญญาณสายทางเลือกเยอะ ไม่เคยคิดจะพาไอวี่ไปสอบป.1 โรงเรียนพระมารดานิจจานุเคราะห์   เพราะได้ยินมาว่าที่นี่สายแข็ง เร่งเรียน ข้อสอบที่นี่เด็กอ่านเอง ครูไม่อ่านให้ ลูกเราอ่านไม่ออกเขียนไม่เก่ง ยังงัยก็ไม่ติดหรอก ก็ไม่สนใจจะติดตาม...

แล้ว วันหนึ่งตอนบ่ายโมงกว่าๆ เพื่อนใจดีโทรมาบอกคุณแม่ว่า
" โรงเรียนพระมารดานิจจานุเคราะห์ อยู่ใกล้ที่พักเธอนี่เพิ่งย้ายมาไม่ใช่เหรอ และตอนนี้มีรับสมัครสอบพอดี น่าจะพาน้องไปสอบดูนะ"   เราก็บ้าจี้ ทั้งๆที่คิดว่าจะไม่พาไปสอบ ไม่รู้นึกอย่างไร กดเข้าไปดูเว็บปรากฏว่า รับสมัครวันนี้เป็นวันสุดท้าย และเปิดรับสมัครถึงบ่าย 3 โมงเท่านั้นและ สอบพรุ่งนี้เลย  ...

แว่บ
!!! ในความคิด หรือจะเป็นดวง?  ที่ทำให้เราต้องย้ายมาอยู่ใกล้ รร. และดลใจให้เพื่อนโทรมาบอกข่าววันสุดท้าย ชั่วโมงเกือบสุดท้ายแบบนี้  ?  วัดดวงละกัน!!!  ถ้าดวงไอวี่จะได้เรียนที่นี่ อ่านไม่ออกก็คงไม่ใช่ประเด็นเพราะมันคือ  "ดวงล้วนๆ"   ถ้าสอบได้ก็จะให้ไอวี่เรียนละกัน

แม่ตัดสินใจกระโดดขึ้นแท็กซี่ตัวเปล่าไปซื้อใบสมัครแบบ...งง... งง... ไปถึง รร.บ่ายสองกว่าๆ (ปิดรับสมัคร 15.00 น.) เจ้าหน้าที่ขอเอกสาร แต่เอกสารไม่มีเพราะรีบมา เจ้าหน้าที่บอกว่าไม่มีเอกสารไม่สามารถขายใบสมัคร  แม่เลยบอกเค๊าไปตรงๆว่าเพิ่งรู้ข่าวไม่ถึงชั่วโมงแล้วรีบมาเลย กลัวมาไม่ทันบ่ายสาม  เจ้าหน้าที่เลยอนุโลมขายใบสมัครให้  ตอนสอบเสร็จ...ไอวี่บอกว่ามันยากม๊ากกก ... หนูมั่นใจ
!!! สอบไม่ติดหรอก เพราะหนูอ่านไม่ออกเลย ไม่รู้ว่าถามอะไร  และก็สอบไม่ติดจริงๆ แม่ก็ไม่ได้ติดใจอะไร เพราะก็ไม่ได้ชอบสายแข็งมากมายนักแค่มาเพราะคิดว่าดวง

แต่วันนี้ ...ได้เรียน  ป.1 พระมารดานิจจานุเคราะห์เรียบร้อย เพราะ2 วันก่อนเค๊าโทรมาตามบอกมีที่ว่างสำหรับไอวี่ สนใจเรียนมั๊ย???  โทรมาก่อนที่จะไปมอบตัวอีกโรงเรียนนึง  8 วัน และแรงกระตุ้นของคนในครอบครัวคุณแม่ที่มุ่งหวังและปราถนาให้ไอวี่เรียนที่นี่นักหนา

มัน .... แปลกดีนะ






Tuesday, February 7, 2017

ไม่รับโทรศัพท์ ตัดลูกตัดแม่!!!

โอยยย เครียดได้อีก ... Deal ผู้สูงอายุ
แม่บอกว่าโทรหาเราหลายรอบ. แต่ไม่เห็นมี miss call ในเครื่อง ( กดโทรถูกรึป่าว?)
บางครั้งโทรมา ดัง 2 -3 ตู๊ดดด...รับปั๊บตัดสายทิ้งปุ๊บ ซะงั้น...( จะใจร้อนไปไหน)
เสร็จแล้วก็กดถี่ๆ สวนทางกันเข้าไป ติดบ้างไม่ติดบ้าง
อุตส่าห์โทรกลับ นึกว่าธุระอะไร ... เกือบทุกครั้ง คือแม่โทรหาเพื่อจะคุยเรื่องรายการทีวีโชว์ หรือไม่ก็เล่าข่าวอาชญากรรมมั่วๆ แล้วก็จะเป็นช่วงเวลาที่เรากำลังทำงาน.... คุยไม่นานก็งอน (สงสัยจะเหงา)
แย่ที่สุด คือ "โดนด่า" หาว่าเรารังเกียจแม่ถึงไม่รับโทรศัพท์ หรือกลัวแม่จะใช้ทำงาน พูดจาทำร้ายจิตใจได้อีก. แถมร้องไห้ทิ้งท้าย ( บาปกรรมจริง ไม่ได้อยากให้แม่ร้องไห้T T) ทิ้งท้ายไว้ว่าถ้าโทรแล้วเราไม่รับอีกจะไม่โทรหาอีกเลย ( แนวข่มขู่).และจะถือว่า เราไม่อยากรับโทรศัพท์แม่ และจะไม่ถือว่าเราเป็ลลูก (ตัดลูกตัดแม่ ว่างั้นเหอะ)

 ..... เฮ่อออ................. >~<.

สรุปแม่ฉันป่วย หรือว่าปรกติของผู้ชรา?

ดราม่าของ Baby Boommer กับ GenX และ Gen Alpha


GenX  - หม่าม๊าตัวเล็กสอบไม่ติดนะ


Baby Boommer --  อีกแล้วเหรอ? ไม่เป็นไรสอบต่อไป สอบนี่ มันยากไม่ใช่ขายขนม


Gen Alpha - ลั้นลา ลั้นลา


GenX  - มีเพื่อนของเจ้าตัวเล็กสอบไม่ติด พอเห็นว่ามีเพื่อนคนอื่นสอบติด เค๊าร้องไห้เลย ถามใหญ่ทำไมไม่ได้


Baby Boommer  - (หันไปถามหลาน) แล้วลูกร้องไห้ไหม?


Gen Alpha - หนูไม่ร้องไห้หรอก  เพื่อนที่ติดเค๊าเก่งและโชคดี หนูอาจจะโชคร้ายนิดหน่อยนะ (ยิ้มกริ่ม)


GenX  -  ใช่โชคร้ายไปหน่อย แต่.. ไม่เป็นไรเนอะ สอบไม่ติดไม่ได้หมายความว่าลูกจะไม่เก่ง ลูกแม่เก่งจะตาย (ลูบหัว)


Gen Alpha - ยิ้มแฉ่งกอดแม่ (สงสัยชอบแม่ชม+ลูบหัว)


Baby Boommer - (บ่นๆๆ) สอนแบบนี้ลูกได้งัย เด็กที่ร้องไห้หนะเก่ง มีจิตสำนึก ดูลูกมึงสิ ยังร่าเริงอยู่ได้
สอนให้เป็นสิ ชมไปทำไม? สอบไม่ได้ คนเก่งถึงสอบติด เพราะคอยถือหางแบบนี้สิ ถึงได้สอบไม่ติด ควรสอนให้เด็กขยัน มีมานะใจรู้มั๊ย
โรงเรียนก็เลือกที่เค๊าเข้มงวดจะได้เก่งๆ เลือกโรงเรียนอะไรก็ไม่รู้อ่านเขียนไม่ได้จะสอบได้งัย



GenX - ..... เงียบไว้ก่อน....... (เซ็ง... นึกในใจ สิ่งที่ถูกต้องคือ อยากเห็นหลานร้องไห้เสียใจเหรอ ?)


Baby Boommer - (หันไปบอกหลาน)  เราเองก็เหมือนกัน สอบไม่ติด ก็พยายามหน่อยอย่ามัวแต่เล่น


Gen Alpha -  ก็พยายามแล้วนี่นา (ทำหน้ามุ่ยใส่อาม่า)


GenX - ไม่เป็นไรพยายามก็ดีแล้ว เหลือสอบอีก 1 โรงเรียน โอเค๊?


Gen Alpha - โอเค


GenX - ถ้าคราวนี้สอบไม่ติดทำยังงัย?


Gen Alpha -  ก็สอบไปเรื่อยๆจนกว่าจะติดงัย


GenX -  แล้วถ้าไม่มีให้สอบ จะทำงัย? ไม่ต้องเรียนอยู่บ้านกับอาม่า?


Gen Alpha - ไม่เอา หนูไม่อยากเป็นเด็กโง่ .... เดี๋ยวหม่าม๊าก็หาที่เรียนให้หนูเองแหละ -*-


GenX -  .... ลูกเราคงไม่เครียดสินะ.... ^__^"


----- จบ -------

Wednesday, February 1, 2017

เด็กทางเลือกแข่งอะไรก็แพ้ตลอด

คุุณแม่ที่ลูกเรียนทางเลือกครึ่งทางท่านนึงให้ความคิดเห็นว่า "เด็กทางเลือกคือ loser" แข่งอะไรก็แพ้ตลอด ส่วนใหญ่เป็นเด็กที่มีเงินแต่ไม่มีที่ไป เรียนไม่เก่ง ทำอะไรไม่ได้ถึงไปเรียนเพื่อหาวิถีตัวเองว่าทำอะไรได้ ... เ่อ่อ...ฟังแล้วอึ้ง
แสดงว่าแม่ไม่อินเลยกับการเรียนสายนี้
 
"แข่งอะไรก็แพ้ตลอด" - อาจจะจริงบางส่วนเพราะเด็กทางเลือกแข่งกับตัวเอง ไม่ได้แข่งกับมาตราฐานสังคม บางครั้งก็ไม่ได้ถนัดในสิ่งประเมิน
 
หากใครเคยดูคลิปๆนึงที่ทำประชดระบบการศึกษาในอเมริกา
มีคำถามมากมาย ระบบการศึกษาสอนเด็กเหมือนๆกัน วัดผลเหมือนๆกัน ตัวอย่าง เช่น ระบบการเรียนการสอนเป็นวิถีทางการปีนต้นไม้ แต่ลูกของคุณเป็นปลาทอง ปลาทองปีนต้นไม้ไม่ได้ แล้วนั่นจะสรุปว่าปลาทองโง่ใช่ไหม? ทำไมไม่ให้ลิงที่ปีนต้นไม้เก่งๆ ไปดำน้ำแข่งกับปลาทองบ้างหละ?
เด็กทุกคนต้องเป็นลิงใช่มั๊ยถึงจะเรียกว่าเก่ง?
 
แข่งสอบเข้าบางแห่ง ต้องอ่านข้อสอบเอง ที่โรงเรียนทางเลือกไม่ได้สอนเน้นอ่านเขียนเด็กไม่ได้ฝึกฝนจะอ่านออกเขียนได้ยังลำบาก แล้วจะให้อ่านข้อสอบเองได้อย่างไร? สอบไม่ติด จึงเป็น" เรื่องปรกติ" ของเด็กทางเลือกที่ไม่ได้กวดวิชาเพิ่ม แต่จะสามารถสรุปได้หรือว่าเด็กทางเลือกโง่?
 
คุณแม่ท่านนั้นอาจจะมองข้ามความสามารถของลูกตัวเองไป หวั่นไหวกับกระแสสังคม เค๊าต่างห่างที่ทำให้ลูกเป็น loser ตัวจริง ย้ายไปเรียนในระบบกลางทางเพราะเชื่อว่าการรู้จักคิด รู้จักตัวเองเป็นสิ่งที่ไม่จำเป็น  การอ่านออกเขียนได้ ท่องสูตรคูณได้เร็วๆ ตั้งแต่อนุบาลจำเป็นกว่าจริงหรือ? โดยทั่วไปเด็กสามารถอ่านออกเขียนได้ ทันกันทุกคนเมื่อเรียนอยู่ชั้นประถม 2-3 จะรีบเร่งโตเป็นไก่ซีพีไปทำไม?
 
ไอวี่เอง ใจจริงแม่ก็อยากให้เรียนทางเลือกต่อไปยาวๆ แต่เรื่องจริงอีกนั่นแหละที่ โรงเรียนทางเลือกเป็นโรงเรียนสำหรับเด็กมีเงินเพราะค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูงเพราะเรียนทางเลือกต้องส่งเสริมการเรียนรู้หลายมิติจากประสบการณ์จริง ไม่ใช่ท่องแต่ตำรา ถึงแม้จะไม่แพงเท่าอินเตอร์ หรือนานาชาติ มันก็หืดขึ้นคอสำหรับพนักงานประจำเหมือนกัน ดังนั้นการผันสู่โรงเรียนในระบบ ก็คงเป็นเวลาอันสมควรแล้วเหมือนกันสำหรับครอบครัวเรา
 
ท้ายสุดก็ขอให้กำลังใจคนที่มีกำลัง และคิดจะส่งลูกไปทางเลือก ถ้าไหวก็ไปเถอะ ไปให้สุดกำลังเท่าที่เราทำได้แล้ว ผลลัพท์ปลายทางนั้นคุ้มค่าแน่นอน

Sunday, January 22, 2017

ทำอย่างไร เมื่อเด็กทางเลือก ต้องไปสอบสายวิชาการ

ทำอย่างไร เมื่อเด็กทางเลือก ต้องไปสอบสายวิชาการ?

คำตอบ = ทำความเข้าใจ และ ไม่คาดหวัง

กรณีตัวอย่างของลูกสาวค่ะ เรียนในชั้นอนุบาล รร. ทางเลือกมา 4 ปี ปีนี้กำลังจะต้องย้ายขึ้น ป.1
พาลูกไปสอบเข้า รร.พระมารดานิจจานุเคราะห์  1 ใน รร. ที่มีสายวิชาการเข้มเข็งมาก ย่านบางกะปิ
จริงๆที่พาไปลองสอเพราะ รร. ใกล้ที่พัก และเผื่อฟลุค ลูกจะได้ไม่เหนื่อยเดินทาง

ข้อสอบ ป1.   รร.พระมารดานิจจานุเคราะห์ เด็กๆต้องอ่านข้อสอบเองได้
ซึ่ง ...ไอวี่ ยังอ่านหนังสือไม่ค่อยได้  ^^ "  เพื่อนๆในห้องรร.ทางเลือก 19 คน มีอ่านออกสะกดได้ 1 คน
เอาแล้วหละสิปัญหาโลกแตก สำหรับเด็กสายทางเลือกที่จะเข้าสู่ระบบสามัญ ตามกระทรวงศึกษาธิการ

ทำความเข้าใจ =>
เป็นที่รู้ๆกันเด็กทางเลือกจะไม่เน้นอ่านเขียน ไม่เร่งเรียน ดังนั้น น้อยนักที่เด็กทางเลือกจะอ่านออก ยกเว้นเค๊าสนใจเอง

ไม่คาดหวัง  =>
แม่จึงต้องไม่ตั้งความ "คาดหวัง" เพื่อไม่กดดัน ลูก เพราะคุณเลือกเดินทางเลือกมานานแล้ว จู่ๆจะให้ลูกเก่งกาจด้านวิชาการเหมือนเด็กสายวิชาการคงจะยากอยู่

เพียงแต่ว่า ถ้าฟลุ๊คติดขึ้นมา แม่ก็ไม่กลุ้มค่ะ ไม่จำเป็นต้องกังวลในตัวลูกว่าจะเรียนทันเพื่อนหรือไม่
จากประสบการณ์แม่ทางเลือกท่านอื่นๆแชร์มา พบว่าเด็กๆเรียนกันทันแน่ภายใน1-2 ปี  เพราะลูกเรามีฐานอารมณ์ที่พร้อม การเรียนรู้และปรับตัวย่อมง่าย


************************************************

สอบเสร็จแล้วไอวี่เดินหน้ามุ่ยมาหาแม่...

สัมภาษณ์หลังออกจากห้องสอบ

แม่: เป็นงัยทำได้มั้ย?

ไอวี่: หนูไม่มั่นใจเลย มันยากมาก
หนูอ่านไม่ออก ถามคุณครูแล้ว คุณครูบอก"ครูช่วยไม่ได้"

แม่: แล้วอ่านได้กี่ข้อหละ?

ไอวี่: ไม่รู้ไม่ได้นับ. แต่หนูอ่านคำว่า โรงเรียน กับ แตงกวาได้นะ ^_^

แม่: แล้วถามอะไรบ้าง?

ไอวี่: ยิ้มกริ่ม ... เอ่อ.. ไม่รู้อ่านไม่ออก ^^"
หนูวงกลมข้อน่ารัก (เดา)ไปนะ ภาษาอังกฤษก็อ่านไม่ออกเลย. มันโหดมากกกก (ไอวี่ลากเสียง)

แม่: วงข้อน่ารักทุกข้อเลยหละสิ? (แม่ยิ้ม..หรี่ตา)

ไอวี่: พยักหน้า...ใช่ๆ. (หยุดคิดนิดนึง)
แต่มีทดเลขด้วยนะ. ง่ายมากเลย หนูทำได้นะ ( หน้าตาภูมิใจ)

แม่ : หนูคิดว่าจะสอบติดมั้ย?

ไอวี่: (ตอบอย่างมั่นใจ )
"ไม่ติดค่ะ". ^__^



----- จบบทสัมภาษณ์-------



วิ่ง ปรู๊ด....ดด ไปเล่นเครื่องออกกำลังกาย อย่างร่าเริง


************************************************************

จะสังเกตเห็นว่า เด็กแนวทางเลือกเค๊าเข้าใจความสามารถตัวเอง ทำได้หรือไม่เค๊าสามารถบอกได้ ประเมินตนเองเป็น เค๊ายอมรับและภูมิในในตัวเองเสมอ  ถึงแม้เค๊าจะสอบไม่ได้จริงๆ แม่ก็ดีใจค่ะ เพราะลูกของเรามีสุขาพจิตที่ดี และเราเองก็ไม่เครียดด้วยเพราะเราเข้าใจสิ่งที่ลูกเราเป็นและเราเลือกเดิน



*********************************************************
ทำไมไม่เลือกสายทางเลือกต่อ? ทำไมไม่ส่งเสริมลูกให้ไปในทางที่เค๊าควรจะเป็น?
' ใจจริงอยากไปต่อค่ะ' เพราะเรารู้ว่าโรงเรียนทางเลือกดีจริงๆ และเหมาะกับไอวี่มากๆ แต่มีหลายๆเรื่องที่เกี่ยวข้องกัน มีหลายเหตุผล หลายปัจจัยที่เราต้องวิเคราะห์และชั่งน้ำหนัก แต่ละครอบครัวแต่ละคนก็มีปัญหาต่างๆกันไป เหตุผลการตั้งใจย้ายเข้าสู่ระบบสามัญในระดับต่อไปนั้น ดูเหมือนจะเป็นทางออกที่ "เหมาะสมที่สุด" สำหรับไอวี่ในตอนนี
ไม่ว่าอย่างไรก็ขอขอบคุณทุกคนที่รักและห่วงใย และมีความปราถนาดีๆให้แก่กันเสมอ ^__^
ดีใจที่มีหลายคนรักและห่วงใยเรา

Thursday, January 12, 2017

G6PD กับการเดินป่าอันตรายหรือไม่?


อีก 2 วันโรงเรียนอนุบาลของลูกสาว กำลังจะพาไปทำกิจกรรมเดินป่าที่เขาใหญ่  กม.33 เป็นกิจกรรมส่งท้ายชั้นอนุบาล 3 ที่ไปกันครบทุกบ้าน คาดว่าคงจะเป็นกิจกรรมที่ประทับอยู่ในความทรงจำของเด็กๆอีกเนิ่นนาน

วันนี้ได้ความรู้ใหม่เรื่องโรค g6pd เนื่องจากมี Issue ใน  line group ผู้ปกครอง เนื่องจากคุณแม่ท่านนึง กังวลใจเกี่ยวกับโรคประจำตัวของลูก คือน้องเป็นโรค G6PD คุณหมอประจำแนะนำควรหลีกเลี่ยงการเดินป่าเพราะว่าอันตราย

G6PD คืออะไร?
G6PD (อังกฤษ: Glucose-6-phosphate dehydrogenase deficiency) หรือ โรคพร่องเอนไซม์
เป็นโรคทางพันธุกรรมโรคหนึ่งซึ่งทำให้เม็ดเลือดแดงแตกเมื่อได้รับสิ่งกระตุ้นต่างๆ
อาการของโรคก็คือ ภาวะซีดจากการที่เม็ดเลือดแดงแตกอย่างฉับพลัน โดยในเด็กทารกจะพบว่ามีอาการดีซ่านที่ยาวนานผิดปกติ
ส่วนในผู้ใหญ่นั้นจะพบว่า ปัสสาวะมีสีดำ ถ่ายปัสสาวะน้อยจนอาจนำไปสู่ภาวะไตวายเฉียบพลันได้
นอกจากนี้ ยังส่งผลให้การควบคุมสมดุลของสารเกลือแร่ต่างๆของร่างกายเสียไปด้วย โดยเฉพาะการเกิดภาวะโพแทสเซียมในเลือดสูง

ที่มาและข้อมูลเพิ่มเติม  https://th.wikipedia.org/wiki/โรคพร่องเอนไซม์_G-6-PD

แล้ว  G6PD กับการเดินป่าอันตรายอย่างไร?
แน่นอน...ที่อันตรายเพราะว่า ผู้เป็นโรคนี้ไม่สามารถใช้ยาบางกลุ่มได้ ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ  ยารักษาโรคมาลาเรีย
ในป่ามียุง ยุงเป็นพาหะนำเชื้อมาเลเรียมาสู่คน  ถ้าน้องไปเดินป่าแล้วแจ๊คพ็อตโดนยุงที่มีเชื้อมาลาเรียกัด ... น้องจะเป็นไข้มาลาเรีย
และ ยารักษาโรคมาลาเรีย ไม่สามารถใช้กับผู้เป็น G6PD นั่นคือน้องเสี่ยงที่จะป่วยหนักเพราะโรคมาลาเลีย

คำถามต่อมาถ้า ลูกของคุณเป็น G6PD จะเสี่ยงให้เดินป่ามั๊ย?  นี่แหละปัญหาคาใจที่คุณแม่ท่านนั้นกังวล

ทางเพื่อนๆ ผปค. ช่วยกันระดมความคิดและปรึกษากัน คุณแม่เองก็ได้ไปถามเพื่อนที่เป็นหมอว่า เด็กเป็นG6PD เดินป่าอันตรายมั๊ย?
คำตอบคืออันตราย ... > - <   แต่ป่าแต่ละแห่งก็ไม่เหมือนกัน บางแห่งไม่มีมาลาเรียระบาด เมื่อตรวจสอบไปที่เขาใหญ่ทางโน้นบอกว่าที่นั่นไม่มีมาลาเรียระบาดมานานมากแล้ว

คุณพ่อคุณแม่ของน้องที่เป็น G6PD เองก็ไปปรึกษาคุณหมอเด็กและหมอโรคติดเชื้อเช่นกัน ปรากฎว่าได้คำตอบเหมือนๆกันคือ ....
 ให้ดูความเหมาะสม และป่าก็ไม่ได้มีมาลาเรียทุกแห่ง ถ้าจะเดินป่าให้เดินตอนกลางวัน และสวมเสื้อผ้ามิดชิด ทาโลชั่นกันยุงบย่อยๆ แต่อะไรๆก็เกิดขึ้นได้ ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจพ่อแม่

สรุปคือ คุณพ่อขอไปดูหน้างานอีกรอบ ว่าสมควรจะเสี่ยงให้ลูกเดินป่ากับเพื่อนๆหรือไม่?

โรงเรียนทางเลือกไม่ดี!

โรงเรียนทางเลือกไม่ดี!
คุณแม่ได้ไปอ่านวิจารณ์โรงเรียนทางเลือกจากกระทู้หลายแห่ง ถ้าสังเกตให้ดีกระทู้ที่ให้แนวคิดแง่ลบมักจะมาจาก ผปค.ที่ไม่ได้สัมผัสใกล้ชิด ฟังเค๊ามา ดูลูกเพื่อนแล้ววิเคราะห์เอง หรือมีประสบการณ์ไม่ดี หรือเคยส่งลูกเรียนในแนวทางเลือกแต่เปลี่ยนใจย้ายออกเสียก่อน

สรุปลูกไม่ได้เรียนแนวทางเลือกจนจบชั้นอนุบาล 3 คุณแม่ไอวี่เชื่อว่าทุกคนรักลูก แต่ความคิดความเชื่อ มันก็อยู่ที่บุคคลแล้วแต่วิเคราะห์เอาเอง

ไม่แปลกถ้าจะดูว่าแนวทางเลือกไม่ดี เพราะการศึกษาแนวนี้ยังใหม่สำหรับประเทศไทย แต่เก่าสำหรับบางประเทศที่พัฒนาแล้ว บางทีอาจจะดูได้ว่ายังไม่เหมาะกับประเทศเรานัก เพราะสิ่งแวดล้อมส่วนใหญ่ยังเปลียนได้ยาก ความเชื่อเดิมๆ ความคิดเดิมๆ คนเดิมๆ ระบบเดิมๆ ความมั่นใจเดิมๆยังคงอยู่ และแน่นอนที่สุดเรายังต้องการแรงงานในตลาดแรงงาน การศึกษาในระดับประเทศจึงยังมุ่งเน้น ทำตาม ท่องจำ สอบแข่งขัน ทำคะแนนสูงๆ จบออกมามีหน้าที่การงานดีเงินเดือนสูงๆ เราเลือกที่จะทำแบบนั้นก็ไม่ผิด และไม่แน่อนาคตไอวี่เองก็อาจจะต้องเข้าสู่ระบบนี้

ข้อพึงปฏิบัติ หรือมองว่าเป็นข้อห้าม ที่ดูเหมือนจะยุ่งยากสำหรับชีวิต เช่นห้ามดูทีวี ห้ามไปห้างสรรพสินค้าห้าม ดื่มนมช็อกโกแลต ห้ามใส่ชุดการ์ตูนเด่นดัง .. มีจริงใน รร. ทางเลือกหลายโรงเรียน
แล้วแต่ความเข้มข้นของแต่ละโรงเรียน โดยเฉพาะแนววอลดอร์ฟ โรงเรียนแนวนี้เด็กต้องดูแลตัวเอง เด็กๆความเป็นตัวตนสูง มีวินัย มีความเป็นธรรมชาติ แข่งกับตนเอง อดทนขยัน รับผิดชอบ เรียนรู้โดยการค้นคว้าและวิเคราะห์ ไม่ใช่ท่องจำจากตำรา

ทุกอย่างในข้อพึงปฏิบัติมีเหตุและผล
ทำไมถึงห้ามดูทีวี จริงๆเค๊าห้ามเฉพาะวัยอนุบาล-ประถมไม่ได้ห้ามตลอดชีพ จริงๆแล้วเราสามารถให้ดูได้ไม่เกินวันละ 1- ชม. เพราะมีวิจัยยืนยันผลกระทบจากการดูทีวี ทำให้สมาธิสั้น ทำลายสายตา และบั่นทอนความอดทน
ทำไมถึงห้ามดื่มนมช็อกโกแลต เพราะช็อกโกแลตมีผลต่ออารมณ์ในเด็ก ทำให้เกิดการวีนเหวี่ยงได้ง่าย ฟันผุ อ้วน
ทำไมถึงห้ามใส่ชุดการ์ตูนเด่นดังหรือเอาของที่มีลายการ์ตูนไป - เพราะของเหล่านั้นรบกวนสมาธิในการเรียนรู้ของเด็ก แย่ไปกว่านั้นสามารถกระตุ้นนิสัยลักขโมย หรือ อิจฉาเพื่อนด้วย
ทำไมๆๆๆ เยอะไปหมด แต่ข้อพึงปฏิบัติทั้งหมดนั้นก็เพื่อการสร้างลักษณะนิสัยและสุขภาพที่ดีของเด็ก

คำถาม คุณอยากให้ลูกเป็นแบบนี้มั๊ย? และคุณพร้อมไหมที่จะเป็นพ่อแม่ที่มีวินัย เสียสละเพื่อลูก? ถ้าคิดเลือกแนวทางเลือกเถอะ คุณแม่แนะนำ

พูดถึงโรงเรียนอนุบาลช้างเผือกที่ไอวี่เรียนอยู่ เป็นทางเลือกผสมสายกลางที่ไม่เข้มข้นนัก คือมีทั้ง มอนเตส วอลดอร์ฟ วิถีพุทธ และ เรียนวิชาการผ่านการเรียนรู้ ไม่ได้มีข้อห้ามมากมายขนาดแนววอลดอร์ฟ แน่นอนเด็กเราก็ไม่ได้แข็งแกร่งเท่าแนววอลดอร์ฟ แต่คุณแม่เลือกแล้วเพราะคิดว่าเป็นทางสายกลางที่ยืดหยุ่นได้ เราไม่อึดอัด ลูกได้รับการฝึกที่ดี "เหมาะกับเรา"

แม่ไอวี่ ในฐานะ แม่ของเด็กหญิงวัยอนุบาลแนวทางเลือก ที่กำลังจะจบชั้นอนุบาล 3 ปีนี้ อยากจะบอกความรู้สึก ของผ.ป.ค. ที่ได้สัมผัสโรงเรียนตลอดเวลา 4 ปี และปีนี้เป็น ผ.ป.ค อาสาเต็มตัว
ให้ลูกเรียนที่นี่มา ตั้งแต่ห้องต้นน้ำเตรียมอนุบาล (2 ขวบครึ่ง) ทั้งปัญหาค่าเทอม ปัญหาครูขาดแคลน ผ่านอุปสรรคกันมากมายกว่าจะมายืนจุดนี้ ทุกครอบครัว ทุกโรงเรียนก็มีปัญหาคนละแบบกันไป

ปัจจุบัน ห้องของไอวี่มี นร. 19 คน ผู้ปกครองค่อนข้าง แน่นแฟ้นกันพอสมควร สังคม ผ.ป.ค. ที่นี่บอกได้เลย ทุกบ้านเอาใจใส่ลูกมากๆ และนิสัยดี คอยแชร์ คอยช่วยเหลือ ไม่เอาเปรียบกัน  เราแข่งกันเลี้ยงลูกอย่างสร้างสรรค์ ไม่ได้แข่งสร้างภาพลักษณ์ให้ตัวเอง ที่นี่เป็นสังคมตัวอย่างที่ดีที่ให้ลูกเราเดินตาม เราไม่ได้มองโลกสวยงาม แต่เราพยายามปลูกจิตคิดบวก ให้เป็นภูมิต้านทานสังคมเลวร้ายที่จะต้องเผชิญต่อไปในอนาคต

ที่สำคัญลูกสาวมีความมั่นใจ มีความสุข เป็นเด็กดี และคุณแม่ ภูมิใจค่ะ ^__^
(เราไม่ได้เน้นให้เรียนเก่ง แต่เราหวังให้ลูกมีความสุข และ มีความมั่นคงทางจิตใจ )

โรงเรียนทางเลือกไม่ดี!
ใช่...แม่ยืนยัน แต่เฉพาะในมุมมองของครอบครัวที่อยากให้ลูกเป็นเด็กเรียนเก่งเข้า รร. ดังๆ
แน่นอนเด็กอนุบาลทางเลือก มักไปสอบเข้า ป1. โรงเรียนดังๆสายวิชาการไม่ติด (ถ้าไม่ติวเข้มจัดๆหรือบริจาคเยอะๆ) ดังนั้นพ่อแม่สายทางเลือกเองจึงควรมีความมั่นคงทางจิตใจและมุ่งมั่นแนวทางตนเองต่อไป

สมองเด็ก 1-6 ขวบ

1-6 ขวบ วัยสร้างรากฐานนิสัย และอารมณ์

ห่างหายจากการอัพเดท Blog  คุณแม่มือใหม่มานานมาก เพราะเวลาว่างตอนตั้งครรภ์หายสาบสูญไปพร้อมกับการกำเนิดของลูกน้อย  แน่นอน 6 ปีผ่านไปไวยังกับเรื่องโกหก  ตอนนี้ดิฉันไม่ใช่คุณแม่มือใหม่สำหรับเด็กทารกแล้ว กำลังก้าวข้าสู่แม่มือใหม่ของเด็กวัยอนุบาล  ที่กำลังจะเติบโดเป็นเด็กประถมต้น  ดูเหมือนเวลาว่างเริ่มกลับมาสู่เรา หลังจาก วุ่นวายกับลูกน้อยยาวนานถึง 6ปี

จากการศึกษาเชิงวิชาการ (อ่านมาเยอะ ขยันกว่าตอนสอบเข้าอีก) ย่อยการศึกษาค้นคว้ามาได้ว่าวัย 1-6 ขวบ เป็นวัยที่สร้างรากฐานนิสัย และอารมณ์ ให้กับลูกน้อย




วัย 1-6 ขวบนี้ เซลล์สมองกำลังแตกกิ่งก้านสาขา เติบโตเร็วมาก และเมื่อเลยวัยนี้ไป เซลล์สมองก็จะเติบโตช้าลง รวมทั้ง มีการกำจัดทิ้งในส่วนที่ไม่ได้ใช้งาน ดังนั้นเวลาทอง 6 ปีแรกพ่อแม่ควรกระตุ้นและใส่ใจลูกมากๆ เพื่อการแตกแขนงของเซลล์สมอง ไว้รองรับการเรียนรู้ในอนาคต คุณแม่เคยปรึกษาคุณหมอระบบประสาทวิทยาท่านหนึ่ง บอกว่าทฤษฎีการเจริญเติบโตการกระตุ้นสมองเป็นจริงและเห็นผล  แต่..... ข้อระวังคือ กระตุ้นผิดวิธี สมองจะปิด และชะงักการเติบโตเอาได้เหมือนกัน  และคุณหมอยังบอกอีกว่า "ดูประเทศสิงคโปร์สิ ความก้าวหน้าทางการศึกษาเค๊าระดับโลก ... ผมเห็นวัยอนุบาลเค๊ายังวิ่งเล่นกันอยู่เลย เค๊าจะเริ่มเข้มช่วงประถมกัน. ไม่เหมือนไทยเป็นอะไรกันไม่รู้  ส่งลูกติวกันตั้งแต่อนุบาล...  ผมว่าวัยเด็กเล็กเค๊าควรจะได้เล่นเยอะๆมากกว่านะ"







ใครว่าเด็กเล็กสอนยาก ....ไม่จริงเลย รู้ไหมประสบการณ์ตรงพบว่าว่าวัย 1-3 ขวบ ลูกสามารถเรียนรู้ได้เร็วมากๆ การที่เล่นและสอนอะไรให้เค๊า มันคือสิ่งใหม่ มันคือเรื่องสนุก ที่เด็กๆอยากรู้ แววตาสดใสเบิกกว้างนั้นจะค่อยๆหายไป เมื่อเข้าอนุบาลตอนปลาย จะพบว่าวัยอนุบาล 2-3 เป็นวัยที่สอนยากที่สุด เพราะเด็กเรียนรู้อารมณ์ เรียนรู้ความเบื่อ พร้อมที่จะท้าทายและ ปฏิเสธเสมอ ถ้าพ่อแม่ไม่มีเทคนิคละก็สอนยากมาก ...  ไว้จะมาเล่าให้ฟังนะคะ ว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อเราต้องสอนการบ้านลูกๆ ^^