Thursday, November 18, 2010

ก่อนวันคลอด

ตั้งหน้าตั้งตารอว่าเมื่อไหร่หนูะคลอด
เล่นอยู่ในท้องคนเดียวไม่สนุกหรอก
ออกมาเล่นกะคุณพ่อ ดีกว่ามั๊ยจ๊ะ
อาอ้อมก็รอเล่นกะหนูอยู่
แม่บอกหนูแป็บเดียวเมื่อคืน ตี 1 กว่าๆก็เจ็บท้องเตือนเลย
^ ^

วันนี้ไปหาหมอตอนเช้า เพื่อดูว่าจะผ่าคลอดได้วันไหน?
วันอาทิตย์ที่ไปตรวจหมอบอกว่าไอวี่น่าจะโตได้อีกและคลอดได้น่าจะวันที่ 20 กว่าๆ

4 วันที่ผ่านมา นน. แม่ลดไป  1/2 กก. ^ ^"
คงเพราะกินอะไรไม่ค่อยได้มากช่วงหลัง

หมอบอกว่าไอวี่คงโตขึ้นอีกไม่เยอะแล้ว
จึงนัดผ่าคลอดพรุ่งนี้
ตรงตามฤกษ์ที่ดูไว้เลยนะจ๊ะ
แต่แอบตกใจนิดนึงเพราะ ยังไม่ได้เตรียมใจ ว่าจะผ่าเลย
ตื่นเต้น + กลัวๆ

พรุ่งนี้แม่จะได้เจอหน้าลูกแล้ว ^ ^
อาอ้อมกะพ่อก็อยากเล่นกะหนูเต็มที่แล้ว
เมื่อคืนพ่อก็หาชื่อเตรียมไว้ให้หนูหลายชื่อเลย

อาอ้อม แม่ และคุณย่า ชอบชื่อ "ม่านฟ้า"
ไอวี่ชอบชื่อนี้ป่าวจ๊ะ? ^ ^
รักลูกนะจ๊ะ คิดแล้วน้ำตาจะไหล
บอกไม่ถูกเลย ดีใจจังพรุ่งนี้จะเจอลูกแล้ว

เดี๋ยวต้องไปเตรียมของไป รพ. อีก
เจอกันพรุ่งนี้นะ ขอให้ไอวี่เป็นเด็กดี
สุขภาพแข็งแรง *3*

ปล. ครัวยังไม่เสร็จ -*- ไม่รู้จะทันวันที่ไอวี่กลับบ้านป่าว

Tuesday, November 16, 2010

สัปดาห์ที่ 39

ไอวี่จ๋า สัปดาห์ที่ 39 แล้วนะลูก

ช่วงนี้แม่เป็นกรดไหลย้อน เท้าบวมตุ่ยยังกะเท้าช้าง
และริดซี่ เจ็บแปล็บๆข้างๆพุง
รวมถึงเหงือกอักเสบ T T ขนาดตัดออกไปแล้ว ยังโผล่มาใหม่ได้อีก
รูปพุงแหลมมากจนใครๆที่ไม่เคยเห็นทักว่า ไอวี่ต้องเป็นเด็กผู้ชายชัวร์
หุหุ หนูจะเป็นสาวห้าวรึป่าวนะ?

เมื่อวันที่ 14 วันอาทิตย์ที่ผ่านมา....แม่ไปหาคุณหมอมาจ๊ะั
คุณหมอบอกว่าหนูหนักประมาณ 2.8 กก. ละนะ ^^
แถมบอกว่ายังโตได้อีก .... O__O โอว...จะถึง 3 กก.ไหมเนี่ย?

แม่อยากจะคลอด 19 นี้จังเลย
เพราะฤกษ์ดี แต่ก็ไม่รู้ว่าไอวี่อยากจะออกมาดูโลกแล้วหรือยัง?

ระหว่างนี้แม่แอบทำครัวไม่บอกที่บ้าน เพราะคนจีนเค๊าถือ
แต่คุณหมอบอกไม่เกี่ยวหรอก ไอวี่อยู่ในท้องแม่จะไปเกี่ยวอะไรกะการต่อเติมครัว

ทำไว้เตรียมไว้ทำกับข้าวอยู่ไฟ ช่างมาขุด เจาะ ตอกโป๊กๆ น่ารำคาญ
ถ้ารอหนูหลอด หนูคงรำคาญแย่เลย ทั้งเสียง ทั้งฝุ่น
ต้องรีบทำให้เสร็จก่อนหนูจะออกมา จริงไหม?

ไอวี่อยากจะออกมาดูโลกวันไหนน๊า? .. แม่ตั้งหน้าตั้งตารออยู่

Monday, November 1, 2010

สัปดาห์ที่ 36 Shopping กระจาย

ย่างเข้า สัปดาห์ที่ 36  แล้วนะไอวี่
พาหนูไปตรวจ คุณหมอบอกว่าหนูหนัก 2.5 กก.แล้ว ^^
สัปดาห์นี้กระเป๋าเบากันทั้งพ่อกะแม่เลย
ซักชุดเด็อ่อนของไอวี่รอไว้แล้วด้วย



Shopping ของให้หนูกระจาย ...

มีชุดผ้าบุเตียงบราวน์ฟาร์ม 5,000 + ดีที่ได้เตียงฟรีมาจากคุณลุง ไม่งั้นก็หมื่นอัพ หุหุ
เครื่องกรองอากาศไดกิ้น 15,000
 



หมอนสำหรับรองให้นมไอวี่อีกเกือบ 2,000 ของใช้จิปาถะ + ลังใส่ของอีกหลายพัน
สัปดาห์หน้าต้องไปซื้อมุ้งอีก 1,700
เหลือ รถเข็น กะ คาร์ซีท อีกหลายตังค์ หุหุหุ

ป้าพูให้เสื้อหนาว กะชุดเด็กมาอีกเยอะเลย



เดี๋ยวเราจะทำครัวด้วยอีก 4 หมื่นกว่าๆ ^^" พ่อกะแม่กรอบกันเลยทีเดียวหุหุ

Saturday, October 23, 2010

วันปิยะ ...ที่แสนเหนื่อย

พี่เลี้ยงใหม่ของไอวี่มาแล้วนะจ๊ะ
พ่อไปรับมาเมื่อวานนี้ ชื่อ พี่หน่อย Import จากทางเหนือเลยนะลูก
แม่บ้านคนแรกของบ้านเรา ทำเอาคุณพ่อวางตัวไม่ค่อยถูกเลย หุหุ
กลับมาซะดึกเลย เมื่อวาน... วันนี้เลยตื่นสายนิดนึง

เช้าพ่อพอขับแตงโมไปตระเวนหาสปาที่จะนวดแม่
ตกลงได้ซื้อคูปองนวดมา 5000 บาท ได้นวดสปากันถึงปีหน้าเลย
สายๆก็นวดแผนไทยผ่อนคลาย ช่วงนี้ นวดไทย สัปดาห์ละครั้ง
เพราะแม่ปวดเมื่อยมากมาย ท้องก็ใหญ่ ไอวี่ก็ขยันดิ้น


เพราะเลือดท่วมปากทุกวันจนแม่รำคาญ กินอะไรก็ลำบาก

ตอนบ่ายเลยตั้งใจไปหาหมอฟัน
ตรวจแล้วสรุปว่า ....ต้องตัดเหงือกที่บวมอักเสบออก 
เพราะมันบวมมากจนไม่น่ายุบได้เอง  เจ็บใช้ได้เลย โดยเฉพาะตอนฉีดยาชา T 0 T
เพราะไอวี่ดิ้นๆ คุณหมอเลยไม่กล้าฉายแสงรักษาแผลนานๆ
เลือดไหลซึมๆนานเป็นชม. กว่าจะหยุด หมดไปอีก 1050 บาท

แล้วแวะไปออฟฟิศคุณลุงหาอาม่าอากง
กลับถึงบ้านก็หัวค่ำ แวะออกไปซื้อของกินของใช้เพิ่มให้พี่เลี้ยง
วันนี้แม่กินข้าวเย็นไม่ได้ เพราะกลัวแผลเหงือกอักเสบ

กว่าจะได้อาบน้ำ และเข้ามาเขียนบันทึก
4 ทุ่มเข้าไปละ เหนื่อยจริงๆวันนี้

Wednesday, October 20, 2010

สัปดาห์ที่ 35

.... ผ่าคลอดเลื่อนไปแบบไม่กำหนด
คุณลุงและทางบ้านคุณแม่ ไม่เห็นด้วยกับการหาฤกษ์คลอด
เค๊าอยากให้ไอวี่พร้อมและออกมาเอง

เลยคุยๆกันว่าจะรอให้เจ็บท้องเตือน แล้วค่อยนัดหมออีกครั้ง

เมื่อวันอาทิตย์ไปหาหมอมา คุณหมอบอกไอวี่แข็งแรงดี
ให้ยาบำรุงเพิ่มและนัดครั้งต่อไปอีก 3 สัปดาห์
แม่ นน. เพิ่มมา 7 กิโล แล้ว ดีใจจัง ถ้าถึง 8 กิโลคงไม่ต้องห่วงว่าไอวี่จะตัวเล็กมากนัก
หมอบอกว่าปรกติโดยทั่วไปไอวี่ คงจะกลับหัวแล้ว และที่เต้นๆ
อยู่บนท้องแม่ น่าจะเป็น ขาเล็กๆ ของลูก
พ่อแอบสงสัยว่า ที่จุ๊บๆอยู่ทุกวันหนะ หัวหรือก้นของลูกนะ?
แต่แม่เดาว่าเป็นก้น ^ ^ อิอิ

ช่วงนี้ฝนตกทุกวัน อากาศเปลี่ยน น้ำท่วมหนักในหลายๆจังหวัด
แต่กรุงเทพยังไม่ท่วม เห็นว่าน้ำจะไหลมาจากเหนือถึงกรุงเทพประมาณวันศุกร์

พี่เลี้ยงไอวี่ก็มาแล้ว คุณพ่อกำลังจะไปรับที่บ้านอาอ๊อดวันศุกร์นี้เหมือนกัน

2 -3 วันนี้แม่รู้สึกไม่ดีเลย
อ้วกติดๆกัน 2 วันแล้ว วันนี้ไม่รู้จะอ้วกอีกไหม T T
แพ้ท้อง 9 เดือนชัวร์ ...ไอวี่ เหอๆๆ
พ่อสงสัยว่าแม่จะเป็นหวัด - ., -
ท้องแม่แข็ง และเป่ง เหมือนลูกโป่งอัดแก็ส ที่พร้อมจะแตกทุกเมื่อ
ไอวี่ถีบแม่แรงขึ้นจนท้องโย้เลย แต่ไม่เจ็บหรอกนะ แค่ตึงๆหนะ

คลื่นไส้ ไม่หาย เหงือกบวมมากขึ้น เลือดซึมทุกวัน
ขาอ่อนเป็นลายจุดๆๆๆ เล็กๆเต็มไปหมด
ตัวบวม จมูกบวม หน้าบวม และเท้าบวม มากขึ้น

พ่อเล่านิทานจบ 100 เรื่องแล้ว
เพิ่งซื้อหนังสือใหม่ ตอนนี้เล่าไปถึงเรื่องที่ 9 ละมั๊ง ^ ^
ไอวี่ชอบฟังนิทานป่าวจ๊ะ? แม่สังเกตว่าลูกดิ้นดุ๊บๆ เวลาพ่อเล่านิทานให้ฟัง

Tuesday, October 12, 2010

39 วันแห่งการรอคอย

เหลืออีกแค่ 39 วัน ก็จะถึงกำหนดผ่าคลอดแล้วนะไอวี่
แม่ตั้งหน้าตั้งตาคอย นับถอยหลังทุกวัน
หนูดิ้นเก่งมากช่วงเดือนนี้
ท้องขยาย เดินอุ้ยอ้าย จนพ่อแซว เจ็บตึงๆด้วย


สัปดาห์ก่อนแม่อ้วกแตกติดๆกัน 3 วัน - -*
โฮโมนเหวี่ยงรึป่าวนะ? วันนี้พะอืดพะอม เลือดกลบปากตอนเที่ยง
เหงือกอักเสบยังคุกคาม และ ลุกลามไม่หยุด -0- กินอะไรต้องระวัง

พ่อเล่านิทานให้ลูกฟังถึงเรื่องที่ 97 แล้ว
พ่อกับแม่ ร้องเพลง Puff the magic dragon ให้ไอวี่ฟังทุกวันเลย
จำจังหวะเพลงได้หรือเปล่าเอ่ย?

พ่อเค๊าจุ๊บๆหนูผ่านพุงแม่ทุกวันเลย
ท่าทางคุณพ่ออยากเห็นหนูไวๆเหมือนแม่ ^^

แต่แม่แอบกังวล กลัวหนูจะตัวเล็ก นน. จะเกิน 2.5 กก.ป่าวนะ?
เพราะ นน. แม่ขึ้นมาแค่ 6 กิโลกว่าๆเท่านั้น ^^"
หวังว่าหนูคงแข็งแรงดีนะ เหลือเวลาอีก 1 เดือน
พยายามเข้านะ ทั้งหนูทั้งแม่ แล้วเจอกัน
วันที่ 19 พย.

รักไอวี่นะคะ ... จากคุณแม่ขี้กังวล

Wednesday, October 6, 2010

ย่างเข้าเดือนที่ 8

ย่างเข้าเดือนที่ 8 แล้วนะจ๊ะ ไอวี่
ช่วงนี้ลูกร่าเริง ทั้งดิ้น ทั้งถีบ ทุกวันเลย  ^ ^"
บางวันก็ดิ้นแรงจนแม่สะดุ้ง
2-3 วันนี้ อาการแม่ไม่ค่อยดี พะอืด พะอม และ อ้วก
อ้วกมาจะ 8 เดือนแล้ว คง อ้วกถึงคลอดเลยละมั๊ง เหอๆ

อาการทั่วๆไป
เจ็บก้นกบ  เมื่อยเนื้อตัว ข้อเท้าบวม  จมูกบวม หน้าเริ่มบาน
และที่รำคาญที่สุด เห็นจะเป็นเหงือกอักเสบ และกลิ่นปาก

ท้องขยาย จนสะดือเริ่มตึงๆเหมือนท้องจะแตกโพล๊ะ ได้ทุกเมื่อ
เจ็บหน่วงๆกล้ามเนื้อที่ท้อง ต้องใส่ที่พยุงคอยช่วยไว้

ท้องผูกเหมือนเดิม ...

พ่อเล่านิทานให้ฟังถึงเรื่องที่ 90 แล้วนะ แม่ร้องเพลง Puff ให้ฟังทุกวันด้วย
ลูกจำได้ป่าวนะ???

Friday, September 24, 2010

7 Months - 32 weeks

วันอาทิตย์ที่ผ่านมาไปอัลตราซาวน์ เห็นหน้าไอวี่ด้วย เอาแต่หลับ
ทำแก้มยุ้มเชียว  ( ^^ ) คุณหมอชี้ให้ดู บอกว่าลูกหนักประมาณ 1.9 กก. แล้วหละ
ท้องแม่ขยาย พองเป่ง จนแข็งโป๊กเลย  -..-" หายใจไม่ค่อยออก

เดือนที่ 7แล้วนะจ๊ะ ไอวี่
สัปดาห์นี้เหมือนจะดีขึ้น เพราะพะอืดพะอมไม่ค่อยอ้วก

ช่วงนี้แม่มีเหงือกอักเสบ หลายจุดเลย แปลงฟันทีไร T T เลือดออกทุกที
บางวันก็ทะเลาะกะของกิน โดยเฉพาะของกินกรอบๆ หรือ แข็งหน่อย
ก็จะสะกิดเหงือกทำเอาเลือดท่วมฟันได้เหมือนกัน

เวลานอนต้องนอนตะแคง เอียงซ้าย หรือขวาสลับๆกันไปตลอดทั้งคืน
เพราะเมื่อยจาก นน. กดทับ เมื่อวานซืนเพิ่งไปนวดแผนไทยมา คลายเมื่อยได้เยอะ

เมื่อวานพ่อก็เพิ่งจะหายหวัดและเพิ่งไปฉีดวัคซีนกันไข้หวัดใหญ่
เพราะสัปดาห์ที่แล้วทั้งสัปดาห์ คุณพ่อเป็นไข้หวัด(ใหญ่) มั๊ง
น่าสงสารนอนซมหลายวัน แต่ก็ยังต้องไปทำงาน โชคดีที่แม่ฉีดวัคซีนกันไข้หวัดใหญ่ 2009 ไว้แล้ว
ไอวี่กะแม่จึงอยู่ร่วมกับพ่อได้อย่างปลอดภัย

สองสัปดาห์นี้ ต้องพาคุณตาไป รพ. หลายครั้ง อุ้มท้องเอาไอวี่ไปด้วย
เหนื่อยเอาการเหมือนกัน ลางานติดๆเป็นว่าเล่น (เค๊าไม่ไล่ออกก็ดีหนักหนาแล้ว)

ช่วงนี้เป็นช่วงเหนื่อยๆ ของแม่จริงๆ อยากให้ไอวี่ออกมาเร็วๆ
จะได้อุ้มตัวเป็นๆ (อุ้มท้องมันอึดอัด หุหุ)

Thursday, September 9, 2010

เลือดท่วมปาก ภาวะแทรกซ้อนของการตั้งครรภ์

ย่างเข้าเดือนที่ 7 แล้ว
อาการแพ้ท้องลดลงไปเยอะ
พะอืดพะอมบ้าง แต่อ้วกน้อยลง

แม่ นน. 55 กก.แล้ว ถือว่ายังขึ้นจากเดิมไม่มาก (ตอนแพ้หนักๆ 50 กก.)
ไอวี่ ดิ้นแรงขึ้น และบ่อยขึ้น

วันนี้เลือดท่วมปากอีกแล้ว เพราะเม็ดละมุดสะกิดถูกเหงือก ฟันหน้าอาบเลือดทั้งแถว หึหึ
น้านกตกใจ บอกให้รีบไปบ้วนปาก (จริงๆก็ท่วมมาหลายครั้งแล้ว)

แรกๆคิดว่าเลือดออกตามไรฟัน หาวิตามินซีมากิน แต่ก็ไม่ช่วยอะไร
หมอบอกว่า เป็น ภาวะแทรกซ้อนของการตั้งครรภ์ เหงือกจะบานออก
ซ้อนทับกัน สะกิดเบาๆก็เลือดออกได้ ดังนั้นแปรงฟันต้องระวังอย่างยิ่ง
ถ้าบานมากๆต้องไปหาหมอฟัน ให้ตัดเหงือกที่เกินออก -*-

ช่วงนี้ก็ต้องระวังกระเพาะปัสสาวะอักเสบ กะตะคริว -0-
ชีวิตระหว่างตั้งครรภ์นี่น่ารำคาญเสียจริง


แต่ก็รู้สึกดี เวลารู้ว่าไอวี่ดิ้นดุ๊บๆอยู่ในท้อง ^ ^
คุณพ่อเองก็เล่านิทานก่อนนอนให้หนูฟังทุกวันเลย รู้ป่าวจ๊ะ?
โชคดีที่เดือนนี้พ่อไป ตจว. วันเดียว ไม่งั้นแม่เหี่ยวแห้งหัวโตแน่เลย

รักไอวี่นะคะ จุ๊บๆ

Monday, August 9, 2010

สัปดาห์ที่ 23

สัปดาห์ที่ 23 แล้ว
แม่ยังไม่หายแพ้ซักที เมื่อเช้าอ้วกเป็นน้ำเลย
ออกมาพร้อมวิตตามินบำรุง ขมไปทั้งปาก
น้ำมูกน้ำตาไหล แต่ทำไงได้หละ ก็มันต้องเป็นอย่างงี้อยู่แล้ว
ไม่รู้จะแพ้ท้อง 9 เดือน รึเปล่านะ

ไอวี่เต้นดุ๊บๆ บ่อยและแรงขึ้น
กลางคืนนอนไม่ค่อยหลับ
ช่วงนี้เป็นตะคริว และเลือดออกตามไรฟัน บ่อยๆ
ขนาดกินยาหมอแล้วนะนี่ ...

คุณพ่ออารมณ์ดี เห็นแม่ท้องเริ่มโต
ชอบเล่น ชอบแหย่ และคุยกะไอวี่บ่อยๆ
ได้ยินเสียงพ่อบ้างรึเปล่าจ๊ะ?

Monday, August 2, 2010

22 สัปดาห์

จันทร์ที่แล้วไปหาหมอตรวจครรภ์
อายุลูกก็น่าจะ 22 สัปดาห์ แล้วนะ เรามากัน 1/2 ทางละ
อีก 4 เดือน จะได้เห็นหน้ากันแล้ว แม่นึกทุกวันลูกจะหน้าตาเหมือนใครนะ ^ ^

น้ำหนักขึ้น 2 กก. ใครๆก็บอกว่าท้องแม่เล็ก
แต่คุณหมอบอกว่าขนาดปรกติ เพราะแม่ไม่มี Fat  ท้องเลยไม่ใหญ่มาก
และหนูก็แข็งแรงดี ซาวน์ดูครั้งที่ 3  ตัวหนูยาว 27 ซม.แล้ว

ลูกดิ้นแรงขึ้น คงเพราะหนูตัวใหญ่ขึ้นถึงจับความรู้สึกได้ชัดเจน
เวลาท้องลูกดิ้น แม่จะเรียกพ่อเอามือมาจับเวลาไอวี่ดุ๊บๆ
คุณพ่อคุยกะหนูทุกวันเลย จุ๊บๆหนูผ่านท้องแม่บ่อยๆรู้ป่าวคะ ^^

ช่วงนี้นอนหงายท้องลำบากขึ้น ปวดเมื่อยตามตัวนอนไม่ค่อยหลับ
เค๊าว่ากันว่าพอ 7-8 เดือน จะยิ่งกว่านี้อีก มีหนูมานอนอยู่ในพุง
จะบิดตัวก็ลำบากนิดหน่อย คิดแล้วก็แปลกๆดี

แม่ไม่ได้กินข้าวเย็นมา 2 วันแล้ว เนื่องจากพะอืดพะอม
วันนี้ไม่รู้จะกินมื้อเย็นได้ไหม

ช่วงนี้ฝนตกเกือบทุกวันทำเอาสัปดาห์ที่แล้วเป็นหวัด
อ้วกไป 2 ครั้ง T T  ยังไม่หายแพ้ แม่ทรมาณจัง

Tuesday, July 20, 2010

กลางสัปดาห์ ที่ต้องอยู่ให้ได้ / วิธีรับมือโรคซึมเศร้า ระหว่างตั้งครรภ์

วันนี้ไอวี่ตื้นเช้า ดิ้นนานเป็นพิเศษ
ลูกจะรู้รึเปล่าว่าคุณพ่อจะไปชลบุรี ถึงดุ๊บๆ ปลุกแม่?
ติดรถป้าหยิมมาทำงาน ป้าหยิมเองก็กำลังมีน้อง เป็นเพื่อนไอวี่เลย
ตามมาติดๆประมาณ 2-3 เดือน

แม่คิดถึงพ่อจังเลยลูก
กลัวจังว่าจะหงอยเหงาหดหู่ กลัวน้ำตาจะไหล
ตอนนี้ยังทำใจได้อยู่ เพราะเพิ่งเจอกันเมื่อเช้า
เราต้องอยู่กัน ให้ได้ใช่ไหม? แค่ 2 วันเอง
(แต่พ่อไป ตจว. บ่อยจัง)

อากาศในออฟฟิศ เย็นกำลังดี
งานแม่ไม่ค่อยจะมีให้ทำ นั่งเล่นเน็ทเรื่อยๆ
ส่วนน้านก ก็ง่วนกับการหาอะไรมาทำ (น้านกนี่ขยันจริงๆ ^^)
ไอวี่โตมาต้องขยันแบบน้านก กะอาม่านะ อิอิ

แม่สั่งซื้อชุดหลอดไฟสังฆทานมาด้วยนะ ไว้พ่อกลับมา
เรา 3 คนไปทำบุญเข้าพรรษากัน ให้หลอดไฟสว่างไสว
ให้ไอวี่ฉลาดหัวไบร์ท ชีวิตสดใสเหมือนแสงไฟนะจ๊ะ *-*

**************************************
โรคซึมเศร้ากับหญิงตั้งครรภ์

เป็นอีกหนึ่งงานวิจัยที่โยงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ระหว่างสภาพอารมณ์ของผู้ เป็นแม่ในขณะตั้งครรภ์กับพัฒนาการของทารกในครรภ์ เมื่อพบว่า หากระหว่างที่ตั้งครรภ์นั้น ผู้เป็นแม่ประสบกับภาวะเครียด เศร้า หดหู่บ่อย ๆ จะส่งผลให้ทารกในครรภ์มีโอกาส "ก้าวร้าว" ในช่วงวัยรุ่นสูงกว่าเด็กที่แม่มีสภาพจิตใจร่าเริงได้




ไม่เพียงเท่านั้น ผลกระทบที่เกิดจากความหดหู่ของแม่ตั้งครรภ์เมื่อส่งต่อไปยังลูกทำให้ลูกมี พฤติกรรมก้าวร้าวแล้ว ก็ยังทำให้เด็กกลุ่มนี้มีโอกาส "หดหู่-เศร้าหมอง" ในอนาคตเมื่อตนเองต้องตั้งครรภ์เป็นแม่คนด้วยเช่นกัน



ศาสตราจารย์เดล เอฟ. เฮย์ (Dale F. Hay) นักจิตวิทยาแห่งมหาวิทยาลัย Cardiff ผู้ทำการศึกษาวิจัยในประเด็นดังกล่าวได้ระบุว่า งานวิจัยชิ้นนี้ได้ทำการเก็บข้อมูลจากครอบครัวชาวอังกฤษที่อาศัยอยู่ในแหล่ง ชุมชน ผ่านการสัมภาษณ์ โดยเป็นเด็กวัยรุ่นชาวอังกฤษจำนวน 120 คน ในช่วงที่เด็กเหล่านั้นอายุ 4, 11 และ 16 ปี รวมถึงพ่อแม่ของพวกเขา ซึ่งในจำนวนนี้พบว่า แม่ของเด็กถึง 1 ใน 3 หรือเท่ากับ 40 คนมีอาการซึมเศร้าระหว่างตั้งครรรภ์



นักวิจัยระบุว่า ส่วนหนึ่งเป็นเพราะครอบครัวเหล่านี้อาศัยอยู่ในเขตเมืองที่มีความจอแจ และบางแห่งก็เป็นแหล่งเสื่อมโทรม จึงเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่อธิบายได้ว่า เพราะเหตุใดจึงทำให้ผู้เป็นแม่เกิดความรู้สึกไม่สบายใจไม่สบายกายในระหว่าง ตั้งครรภ์ได้



นอกจากนั้น จากการสัมภาษณ์เด็กทั้ง 120 คน ศาสตราจารย์เฮย์ และทีมงานระบุว่า เด็กกลุ่มที่มารดามีภาวะซึมเศร้าระหว่างตั้งครรรภ์ เมื่อเติบโตเข้าสู่วัยรุ่นมีโอกาสจะแสดงพฤติกรรมก้าวร้าวได้มากกว่าเด็กคน อื่น ๆ ถึง 4 เท่า ในขณะที่เด็กวัยรุ่นซึ่งขณะตั้งครรภ์ ผู้เป็นแม่มีอารมณ์ร่าเริงมีความเสี่ยงที่จะเกิดพฤติกรรมก้าวร้าวได้น้อย กว่า โดยเธอยังได้อ้างถึงงานวิจัยในอดีตที่มีการศึกษาเกี่ยวกับความเปลี่ยนแปลง ทางอารมณ์ของแม่ตั้งครรภ์ว่ามีผลกระทบต่อพัฒนาการทางสมองของทารกในครรภ์ขึ้น มากล่าวด้วย อย่างไรก็ดี งานวิจัยชิ้นนี้ของเธอ ไม่ได้นำเรื่องยีนเข้ามาเกี่ยวข้องแต่อย่างใด



"จากงานวิจัยชิ้นนี้ ได้ชี้ให้เห็นว่า ผู้หญิงที่เคยมีประวัติด้านพฤติกรรมก้าวร้าว มีโอกาสจะเป็นโรคซึมเศร้าได้เมื่อพวกเธอตั้งครรภ์ เธอจึงเป็นคุณแม่กลุ่มเสี่ยงที่ควรได้รับการดูแลเป็นพิเศษหากจะให้กำเนิด ทารก" ศาสตราจารย์เฮย์กล่าวปิดท้าย



เพื่อป้องกันไม่ให้ภาวะหดหู่ ซึมเศร้าต้องทำร้ายคุณแม่ตั้งครรภ์ดังกล่าว ทีมงาน Life & Family จึงได้มองหาแนวทางป้องกัน-แก้ไขจาก womenhealth มาฝากกันค่ะ ซึ่งได้แก่



1. จงเลือกเป็นผู้ควบคุมชีวิตของตัวเอง

เริ่มจากการสำรวจตรวจสอบรูปแบบการใช้ชีวิตของคุณ ด้วยการจดสิ่งที่คุณทำในแต่ละวันลงในกระดาษ ทั้งงานบ้าน งานที่ออฟฟิศ และงานอื่น ๆ จากนั้นก็พิจารณากิจกรรมเหล่านั้นด้วยใจที่เป็นธรรมสักนิดว่ามันเป็นกิจกรรม ที่ทำให้คุณรู้สึกพอใจหรือไม่ คุณใช้เวลาหมดไปกับสิ่งเหล่านั้นมากเกินกว่าจะหันมาสนใจตัวเอง หาเวลาให้ตัวเองหรือไม่ หรือมันเป็นงานที่คุณทำแล้วรู้สึกภาคภูมิใจกับมันหรือไม่



หากผลออกมาเป็นไม่ ก็ถึงเวลาที่คุณต้องตัดบางสิ่งออก และหันมาใส่ใจกับการให้เวลาตัวเองด้วยการเลือกทำกิจกรรมที่ตนเองชอบ สนใจ และมีความสุขแทน ซึ่งคุณก็จะได้เวลาบางช่วงกลับคืนมา เช่น ได้นอนหลับแต่หัวค่ำขึ้น ได้อ่านหนังสือที่มีประโยชน์สำหรับแม่ตั้งครรภ์มากขึ้น ฯลฯ



2. ยอมรับว่ามีบางอย่างที่คุณควบคุมไม่ได้เหมือนกัน

แม้ว่าจะผ่านข้อแรกมาด้วยการบอกว่า ให้คุณกลับขึ้นมาเป็นผู้ควบคุมชีวิตตัวเอง แต่กระนั้น การตั้งครรภ์ก็มีบางสิ่งบางอย่างที่ไม่สามารถควบคุมได้อยู่เช่นกัน เช่น อาการแพ้ท้อง ความรู้สึกหงุดหงิด การปวดหลัง ปวดขา นิ้วชา หรือการนัดหมายกับแพทย์เพื่อตรวจครรภ์ ดังนั้น ในจุดที่ควบคุมไม่ได้ ก็ยอมรับกับตัวเองว่าควบคุมไม่ได้จะเป็นผลดีต่ออารมณ์และความรู้สึกมากกว่า การปฏิบัติตัวในเชิงต่อต้าน



3. จงเป็นผู้ประเมินความรู้สึกตัวเอง

ไม่ควรปล่อยให้เป็นหน้าที่ของสามี แพทย์ เพื่อนสนิท เพื่อนร่วมงาน หรือพ่อแม่ มาเป็นผู้ประเมินความรู้สึกของคุณ เพราะคุณเองคือผู้ที่ทราบว่าคุณต้องการอะไร งานที่คุณทำหนักเพียงใด คุณพักผ่อนเพียงพอหรือไม่ รับประทานอาหารน้อยไปหรือเปล่า เพราะทั้งหมดนี้คือ การใช้ชีวิตของคุณเองในระหว่างตั้งครรภ์ จากนั้น จึงค่อยนำผลที่ประเมินได้มาขอคำปรึกษา-ความช่วยเหลือจากแพทย์ สามี หรือคนรอบข้างถึงวิธีการที่เขาเหล่านั้นจะช่วยเหลือคุณให้พ้นจากภาวะดัง กล่าว



4. อย่าเก่งคนเดียว..หาเวลาพักบ้าง

หากงานที่ทำไม่ใช่งานเฉพาะเจาะจงเช่น งานด้านกฎหมาย แต่เป็นงานทั่วไปในองค์กร การแจ้งหัวหน้างานเกี่ยวกับงานที่คุณทำได้ และไม่ควรทำก็เป็นเรื่องที่ดี เพื่อที่จะได้มีการจัดงานใหม่เหมาะสม และคุณจะได้ไม่เครียดมากจนเกินไป และเมื่อมีงานที่เหมาะสมแล้ว คุณอาจหาเวลาว่างเพิ่มเติมเพื่อตัวเอง กรณีนี้ต่างจากการพักเมื่อมีเวลาว่าง แต่หมายถึงการหาเวลาเพื่อการพักผ่อน หรือทำในสิ่งที่มีความสุขสำหรับตัวเองโดยเฉพาะ เช่น อ่านหนังสือ ดูหนัง ทั้งนี้คุณต้องไม่ต้องรู้สึกผิดที่มีเวลาดังกล่าวด้วยนะคะ



5. เขียนบันทึกความรู้สึกของตัวเอง

คล้าย ๆ กับการคุยกับตัวเอง แต่เป็นการเขียนมันลงบนกระดาษ หรือบล็อก ฯลฯ วิธีการนี้เป็นอีกหนึ่งหนทางที่จะช่วยให้คุณพบกับวิธีจัดการกับความรู้สึก และช่วยให้คุณรู้สึกดีขึ้นได้

Monday, July 19, 2010

ผ่านมาอีก 1 วัน

ช่วงนี้เข้าหน้าฝนแล้ว อากาศเปลี่ยนแปลงบ่อยๆ
คุณพ่อเป็นหวัด .... แม่ก็กลัวจะติดอยู่เหมือนกัน
วันนี้ตื่นมาเมื่อยเนื้อตัว ไม่ค่อยสดชื่น (ไม่รู้ติดหวัดพ่อมาป่าว)

สัปดาห์นี้ไอวี่เต้นดุ๊บๆ ในท้องของแม่ วันละหลายรอบเชียว
แม่รู้สึกดีที่มีหนูอยู่ในท้อง ^ ^

ช่วงนี้อาการแพ้ท้องเหลือแค่ช่วงเย็นๆ
(อ้วกเอาวุ้นเส้นผัดไทย ออกหมดพุงเมื่อเย็นวันอาทิตย์)
เฮ้อ... ยังกินอาหารลำบาก ขนาดคิดว่าค่อนข้างจะดีขึ้นแล้วนะนี่

พุธนี้คุณพ่อจะไป ตจว. อีกแล้วลูก แม่รู้สึกเหงาๆยังงัยก็ไม่รู้
เรา 2 คน จะต้องไปนอนบ้านอาม่า 2 คืน อีกแล้ว
หวังว่าแม่คงไม่เป็น Mama Blue  นั่งน้ำตาร่วงเหมือนวันก่อน

Thursday, July 15, 2010

อากาศเย็นๆวันฝนตก

เมื่อวานอารมณ์อ่อนไหว คิดถึงคุณพ่อ น้ำตาร่วงระหว่างกินข้าวเย็น
อาม่าสวดใหญ่เลย เหอๆๆๆ ... ก็แหม โฮโมนมันพลุ่งพล่านนี่นา

2-3 วันนี้งานแม่ไม่ค่อยเยอะ
มีเวลาอัพเดทบล็อก คุยกะหนู
ฝนตกหนักมา 2 วันแล้ว อากาศเปลี่ยน
อุณหภูมิในออฟฟิศ เย็นยะเยียบ -.,-   ฮัดดด..เช่ย!
แม่เริ่มปวดหัวเหมือนจะเป็นไข้ หนาวสั่นเป็นระยะ

หนูเองก็เต้นดุ๊บๆ อยู่ในท้อง ตั้งแต่ตี 4
ปลุกแม่ เพราะตื่นจากเสียงอาม่ารึป่าวนะ?
แม่แก่ตัวแล้วจะขี้บ่นเหมือนอาม่ารึป่าว?

คุณพ่อจะกลับจากนครนายกแล้ววันนี้
ดีใจมั๊ยคะ ได้เจอคุณพ่อแล้ว (ยังกะไปหลายวันแหนะ)

Wednesday, July 14, 2010

วันเหงาๆ ที่พ่อไม่อยู่

วันนี้คุณพ่อของหนูไปทำงาน ตจว. ค้างคืนที่โน่น
เราจะไปค้างบ้านอาม่ากัน

ช่วงกลางวันฝนตก ฟ้าร้อง
แอร์ใน บริษัทแม่เย็นเจี๊ยบเลย ...
คิดถึงคุณพ่อป่าวคะ? แม่คิดถึงคุณพ่อจังเลย!
ช่วงเวลาท้องๆ อารมณ์อ่อนไหวเป็นพิเศษ

เมื่อวานเย็นอ้วกอีกแล้ว เล่นเอาราดหน้าเจ้าประจำออกหมด
มาลุ้นกัน เย็นวันนี้ กับข้าว อาม่า แม่จะแพ้จนอ้วกอีกหรือเปล่า?

Monday, July 12, 2010

สัปดาห์สบายๆ 20 weeks

แป็บเดียวก็ตั้งท้องได้ 5 เดือนแล้ว
เสาร์-อาทิตย์ ที่ผ่านมาแม่รู้สึกมีแรงมากขึ้น พาหนูไปตักบาตรกับคุณย่า ว่ายน้ำกับคุณพ่อ
แม่ตัดผมแล้ว โล่งสบายหัวมากขึ้น หลายคนบอกว่าดูสดใสขึ้นไม่โทรมเหมือนตอนผมยาว

คุณน้าปอนด์ส่งหนังสือคู่มือสำหรับแม่มากองใหญ่ ต้องขอบใจที่เป็นห่วง
คุณน้าแป้งก็ให้กระเป๋าอุ้มเด็กมาไว้สำหรับอุ้มหนู


ช่วงนี้ Ivy ดิ้นตอดท้องแม่ ดุ๊บๆ บ่อยๆ ฟังเพลงคลาสสิคทุกวันเลย
ชอบป่าวน๊า? เค๊าว่ามันช่วยพัฒนาสมองลูกด้วยหละ

เป็นความรู้สึกที่ดี+ประหลาด ที่รู้ว่ามีใครอีกคนอยู่ในท้อง
พ่อมักจะยิ้มกริ่มเวลาเอามือจับท้องแม่แล้วคลำพบการดิ้นของหนู

อาการแพ้ท้องลดลง แต่ก็ยังพะอืดพะอมอยู่
พรุ่งนี้พ่อจะไป ต่างจังหวัดอีกแล้ว T T เหงาไหมจ๊ะพ่อไม่อยู่
เดี๋ยวเราไปนอนบ้านอาม่ากันนะ
อาม่าคงดีใจที่หลานไปค้างด้วย ^ ^

Wednesday, July 7, 2010

จู่ๆก็ร้องไห้ mama blue

เมื่อวานตอนเย็นจู่ๆอ้วกเป็นน้ำเลย อาหารเที่ยงถึงเย็นออกมาหมด
 สงสัยเพราะลืมกินยา หรือไม่ก็ขนมจีนตอนเที่ยงไม่ย่อย

สงสารลูก แม่ไม่มีอะไรให้กิน อึดอัดจนร้องไห้ T T

เที่ยงวันนี้ก็เป็นอีก พอรู้สึกพะอืดพะอม บ่อน้ำตาก็ตื้นขึ้นมาซะงั้น
คิดถึง คุณพ่อ อยากกลับบ้านเรา จู่ๆน้ำตาก็ไหลไม่ยอมหยุด
เพื่อนๆที่ทำงานแม่ตกใจกัน ว่าร้องไห้ทำไม

น่าจะเป็นเพราะโฮโมนพุ่งพล่าน ...


พรุ่งนี้ก็จะครบ 20 สัปดาห์แล้ว ที่ลูกเกิดมา ^_^
หนูต้องเป็นเด็กดี และแข็งแรง
ให้แม่ได้ชื่นใจ ......นะคะ

ปล. ถกเถียงชื่อของหนูกันกะพ่อว่าจะใช้ชื่ออะไรดี
ระหว่าง ว่าน - ไอวี่ - เอลฟ์


รู้สึกพ่อจะเลือก ไอวี่นะ
มาจาก อักษร ภาพด้านล่าง
พ่อเราโรแมนติกป่าว? อิอิ

Monday, July 5, 2010

อัลตราซาวน์ครั้งที่ 2

เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (4 กค. 53) คุณหมอนัดตรวจครรภ์
ตื่นเต้นมากเลย ที่จะได้รู้ว่าหนูเป็น ผู้ชาย หรือ ผู้หญิง

อันที่จริงแม่คาดไว้ว่าลูกจะเป็นผู้ชายเพราะ
แม่ผื่นขึ้น สิวขึ้นเต็มหน้า ออกโทรมๆ แต่ก็ไม่แน่ใจเพราะท้อง กลมๆ *0*
เค๊าว่าท้องกลมๆจะได้ลูกสาว ...

วันนี้ได้รู้แล้ว

คุณหมอบอกว่าหนูเป็นลูกสาว จ๊ะ *-* /
ออกจะผิดคาดเล็กน้อยแต่ไม่ได้ผิดหวัง  เพราะลึกๆแล้วแม่ก็อยากได้ลูกสาวมากกว่าหุหุ
เพราะหวังว่าโตขึ้น เราจะสนิทกันมากกว่า

สุขภาพทั่วไปของหนูแข็งแรงสมบูรณ์ดี ตัวยาว 23 CM.แล้ว
คุดคู้ซะตัวกลมเชียว

วันอาทิตย์นี้ก็เป็นวันที่เหนื่อยอีกวันเพราะ แม่กะพ่อไปเดินช๊อปปิ้ง
ชุดและเครื่องใช้ของหนูมา โดนพ่อแซวว่า มีแต่สีชมพู *0*
ก็หนูเป็นลูกสาวนี่นา ใช่ปะ อิอิ

จริงๆแม่ก็ชอบสีชมพูมากกว่าสีฟ้าอยู่แล้วด้วย งานนี้หมดไปหลายพันอยู่
เมื่อไหร่หนูจะออกมานะ แม่อยากสวมชุดสีชมพูให้หนูจังเลย ^ ^

ปล. โฮโมนพุ่งพล่านอยากร้องไห้ จู่ๆช่วงนี้คิดถึงอาม่า อาก๊องบอกไม่ถูก
ไม่รู้เพราะเห็นหนูโตขึ้นทุกวัน หรือกลัวกรรมตามสนอง (แม่ทำแสบกะอาม่าไว้เยอะ เหอๆๆ)

Tuesday, June 22, 2010

4 เดือน ผ่านไปเร็วราวติดปีก

ตั้งท้องได้ 4 เดือนแล้ว เดือนหน้าคงจะรู้ว่าหนู เป็นผู้หญิง หรือ ผู้ชาย
ช่วงนี้แพ้ท้องน้อยลง เหลือแค่อาการคลื่นไส้ ช่วงเย็นๆเท่านั้น


ท้องเริ่มเป่งๆ และมีผิวแห้งช่วงเอวและต้นขา ต้องทาโลชั่นทุกวัน
นอนหลับๆตื่นๆทั้งคืน และช่วงนี้เป็นโพรงจมูกอักเสบ -*- ซะด้วย

ต้องขอบคุณคุณพ่อ ที่คอยให้กำลังใจและดูแลแม่เป็นอย่างดีเสมอมา
ตอนนี้ไม่รู้ว่าหนูหลับอยู่รึเปล่า

Monday, June 14, 2010

วันทำงานที่แสนอึดอัด

ย่างเข้าสัปดาห์ที่ 15 แล้วมั๊ง... ยังไม่หายขาดจากอาการแพ้

19.04 น. เลิกงานแล้วแต่ยังกลับไม่ได้ เพราะคุณพ่อยังไม่มา T T

น่าเบื่อมากๆสำหรับการทำงานในวันจันทร์ วันแรกของสัปดาห์
ปวดท้องน้อย และท้องอืดๆ (เมื่อวานท้องเสีย)

วันนี้อากาศร้อนอบอ้าว โดยเฉพาะตอนลงไปทานอาหารกลางวัน
ร้อนจนแทบจะเป็นลม ...

อาหารมื้อเที่ยงไม่อร่อย กลับขึ้นมาทำงานอย่างอารมรณ์ขุ่นๆ
ทำงานไปแบบไร้วิญญาณ ช่วงนี้ เฟอร์ฟอแมนซ์คงตกต่ำ ทำงานได้ไม่ค่อยมาก

ตกเย็นเริ่มพะอืดพะอมอยากอ้วก อาการแพ้ยังหลงเหลืออยู่
นัั่งรอคุณพ่อมารับกลับบ้าน ทุกวันกว่าจะถึงบ้าน กว่าจะกินข้าวเย็นก็ 3 ทุ่ม

อึดอัดจังเลยลูก .... ร่างกายมันฟ้องว่าอยากพัก ท้องก็อืด ตาก็เมื่อยล้า
เมื่อไหร่หนูจะคลอดออกมานะ แม่เฝ้าแต่รอวันนั้น ...

Friday, June 4, 2010

อาการทรงๆ

วันศุกร์ 19.25 นาทีแล้ว
ยังนั่งรอคุณพอมารับที่ บริษัท

นั่งทำงานคนเดียวทั้งวัน มา 2 วันแล้วเพราะน้านกลา
ไม่ค่อยได้งานอะไรเพราะ รู้สึกแย่ๆ  ทำงานง่ายๆ และนั่งเล่นเกม Facebook

อ้วกเล็กน้อยช่วงบ่าย และยังมีเลือดออกที่โพรงจมูกอยู่บ้าง
อาการผื่นเห่อลดลง

แต่วันนี้มีอาการใหม่ -*- คือ ปวดหัวตุบๆ
ไม่รู้ว่าเกี่ยวกับเป็นหวัด หรือโพรงจมูกอักเสบหรือไม่

ถ่ายปนเลือดเล้กน้อย น่สจะริดสีดวง -*- เพราะอึแข็งมาก
เฮ่อ... เมื่อไหร่หนูจะออกมาน๊า แม่เฝ้ารอวันที่จะเห็นหน้า
เบื่ออาการข้างเคียงพวกนี้ซะเหลือเกิน

19.30 พ่อมารับแล้ว กลับบ้านดีกว่า

Thursday, June 3, 2010

อาการข้างเคียงขณะตั้งครรภ์

ช่วงนี้เป็นผื่น ลุกลาม ไปทั่วขาอ่อน และขาหนีบ
ไปหาหมอมาเมื่อ วาน หมดไปอีก 790 บาท -*-

ได้ยาทา2 หลอด กับ  คารามายด์มา 1 ขวด

วันนี้ จู่ๆสั่งน้ำมูกก็มีเลือดออกปนมาด้วย -*-  ตกใจนะนี่
ทำไมแม่ถึงมีอาการข้างเคียงเยอะจริงๆ



รวบรวมมาหลังจากรู้สึกว่าตัวเองเป็นเยอะเหลือเกิน
ทั้งอ้วก ทั้งผื่น ทั้งนอนไม่หลับ ทั้งท้องอืด และเหงือกอักเสบ ล่าสุดก็โพรงจมูกอักสบ -*-

อาการข้างเคียงขณะตั้งครรภ์ / วิธีที่ทำให้คุณรู้สึกดีขึ้น

ส่วนใหญ่แล้วว่าที่คุณแม่ทั้งหลายมักไม่ค่อยมีปัญหาน่าหนักใจเกี่ยวกับ การตั้งครรภ์นัก สามารถคลอดบุตรออกมาได้ทารกที่มีสุขภาพดี นอกจากจะมีอาการแพ้หรืออาการข้างเคียงที่เกิดขึ้นตามปกติ เช่นอาเจียน คลื่นไส้ ปวดหลัง หรือแสบร้อนที่หน้าอก (Heartburn) อาการดังกล่าวไม่มีผลกระทบต่อทารกในครรภ์แต่อย่างใด แต่อาการที่ว่านี้ผู้อื่นก็ไม่สามารถรู้สึกหรือเห็นได้ชัด จึงมักไม่ได้รับความสนใจหรือเห็นอกเห็นใจเท่าไหร่นัก แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าคุณจะต้องอดทนกับอาการที่น่ารำคาญนี้ มีหลายวิธีที่จะช่วยให้คุณรู้สึกสบายขึ้นจากอาการดังกล่าวและสามารถมีความสุขได้ตลอดการตั้งครรภ์

ต่อไปนี้เป็นคำอธิบายว่าทำไมปัญหาของอาการข้างเคียงต่างๆ ที่รบกวนคุณในเวลาตั้งครรภ์จึงเกิดขึ้น และเสนอคำแนะนำในการแก้ปัญหาที่เหมาะสม แต่ก่อนที่คุณจะเริ่มแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นระหว่างตั้งครรภ์นี้ด้วยตัวเอง คุณควรปรึกษา, ตรวจสอบกับหมอสูติประจำตัวคุณเสียก่อนเพื่อให้แน่ใจว่า ปัญหาเหล่านี้เป็นเรื่องปกติธรรมดาสำหรับการตั้งครรภ์ และยังไม่ต้องเข้ารับการรักษาอย่างเป็นทางการจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

อาการปวดท้อง (Abdominal Pain)
สาเหตุ: เนื่องจากข้อต่อซึ่งรองรับมดลูกได้ยืดตัวออก คุณจึงประสบกับอาการปวดเมื่อยด้านข้างของท้อง
การแก้ไข: พยายามนวดอย่างเบาๆ ในบริเวณที่ปวด ด้วยฝ่ามือโดยเคลื่อนไหวฝ่ามือช้าๆ และใส่กางเกงsupport ท้องที่เรียกว่ากางเกงพยุงครรภ์ จะสามารถช่วยให้รู้สึกดีขึ้นได้ แต่ถ้าคุณมีอาการปวดท้องมากขึ้นเรื่อยๆ คุณควรรีบปรึกษาแพทย์หรือหมอสูติประจำตัวโดยเร็ว

อาการปวดหลัง (Backache)
สาเหตุ: ข้อต่อกระดูกต่างๆ มีการหย่อนตัวมากขึ้นและการอยู่ในท่วงท่าที่ไม่เหมาะสมสามารถทำให้คุณมีอาการปวดหลังมากยิ่งขึ้น
แก้ไข: ปรับตัวให้อยู่ในท่าทางที่ถูกต้อง - ยืนตัวตรงๆ และใช้หมอนหนุนหลังเมื่อนั่ง และก้มลงเก็บของโดยให้หลังตรง คือยืนให้น้ำหนักลงที่เท้าทั้งสองข้าง ย่อตัวลงโดยงอข้อสะโพกและหัวเข่า พยายามรักษาระดับให้ใบหู หัวไหล่และสะโพกอยู่ในระดับเดียวกัน

หายใจไม่สะดวก (Breathlessness)
สาเหตุ: ฮอร์โมนทำให้กล้ามเนื้อหน้าอก หย่อนตัวลงและขยายหลอดลม เนื่องจากต้องผลิตเลือดให้ปอดมากขึ้น เมื่ออายุครรภ์เพิ่มขึ้น มดลูกขยายใหญ่ขึ้นมีผลไปดัน กระบังลมส่งผลถึงปอด ทำให้หายใจไม่สะดวก
แก้ไข: หลีกเลี่ยงการอยู่ในที่ชุมชนแออัด พยายามหายใจช้าๆ และลึกๆ อย่าทำอะไรรีบร้อน

Carpal Tunnel Syndrome
สาเหตุ: มือ เท้ามีอาการชา เจ็บยิบๆ(tingling) หรือเจ็บฝ่ามือเนื่องจากระบบประสาทที่ข้อมือถูกกดทับ (มักจะมาจากอาการบวม)
แก้ไข: นวดฝ่ามือ, ขยับนิ้วมือขึ้นลง กางนิ้วมือทั้ง 5 กว้างๆ สัก 2-3 วินาทีแล้วหุบมือ หรือเวลากลางคืนลองนอนห้อยมือลงมาข้างเตียง นอกจากนั้นอาจขอวิตามิน B6 จากแพทย์

ท้องผูก (Constipation)
สาเหตุ: การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน ทำให้ลำไส้บีบตัวช้าลง มดลูกที่ขยายใหญ่ขึ้นกดทับลำไส้ใหญ ่ทำให้อุจจาระผ่านได้ลำบาก อุจจาระที่คั่งค้างอยู่นานจะถูกดูดซึมน้ำออกไปมาก เวลาถ่ายจะแข็งและถ่ายยาก รวมทั้งการทานวิตามิน ธาตุเหล็กอาจเป็นสาเหตุ
แก้ไข: รับประทานอาหารที่มี ีกากใยมากๆ (เช่น ผลไม้, สลัดผักสด), ดื่มน้ำวันละมากๆ, ดื่มน้ำลูกพรุน และเข้าห้องน้ำทันทีที่จำเป็น อย่ากลั้นไว้

ตะคริว (Cramp)
สาเหตุ: ตะคริวที่ขาหรือเท้าอาจเนื่องมาจากการหมุนเวียน ของเลือดลดประสิทธิภาพลง และการรับประทานอาหาร ไม่เพียงพอกับความต้องการของร่างกายยามตั้งครรภ์ เช่น ขาดแคลเซียม (มีในนมสด), วิตามิน B รวม, โ ปตัสเซียม (กล้วย, พืชจำพวกถั่ว) หรือ เกลือ
แก้ไข: เมื่อคุณตื่นนอนให้งอนิ้วเท้าขึ้น หรือเพื่อให้การหมุนเวียนของเลือดดีขึ้น ลองใช้เท้าแต่ละข้างกลิ้งขวดเปล่าๆ ไปมา 20 ครั้งก่อนนอน รับประทานอาหารให้ถูกหลักโภชนาการครบทั้ง 5 หมู่

หน้ามืดเป็นลม (Fainting)
สาเหตุ: ฮอร์โมนยามตั้งครรภ์ทำ ให้หลอดเลือดหย่อนตัว ทำให้เกิดความดันโลหิตต่ำ ซึ่งทำให้คุณรู้สึกอ่อนเพลีย หน้ามือเป็นลม และมดลูกของคุณต้องการเลือดเพิ่มขึ้น และจำนวนน้ำตาลในเลือดลดต่ำลงก็เป็นสาเหตุดังกล่าวได้
แก้ไข: คุณต้องรับประทานอาหารให้ครบทุกมื้อ และหลีกเลี่ยงเสื้อผ้าที่คับแน่น ฟิตที่จะทำให้คุณร้อน พกพัดลมอันจิ๋วที่มีมอเตอร์ในตัวเอง หรือพัด หรือกระป๋องสเปรย์ฉีดน้ำ เพื่อช่วยคุณระบายความร้อน

การผายลม (Flatulence)
สาเหตุ: ฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน (Progesterone) ทำให้กล้ามเนื้อหย่อนตัว ดังนั้นอาหาร และของเสียจึงไหลผ่านระบบย่อยอย่างเชื่องช้า และสร้างลมในกระเพาะให้เกิดขึ้น นอกจากนั้นการกลืนอากาศอย่างไม่ตั้งใจ เพื่อไล่อาการคลื่นไส้วิงเวียนหรือจุกแน่นหน้าอก ก็สามารถทำให้เกิดลมขึ้นได้ หรืออาจเป็นเพราะพวก alkaline food (เช่น นม) เกิดปฏิกริยากับกรดในกระเพาะ
แก้ไข: ควรรับประทานอาหารอย่างช้าๆ, หลีกเลี่ยงอาหารที่ทำให้เกิดแก็สในกระเพาะอาหาร และดื่มชา peppermint หรือ chamomile

Food Cravings (การอยากอาหารบางชนิดอย่างมาก)
สาเหตุ: คุณและทารกที่กำลังเจริญเติบโตในครรภ์ ต้องการสารอาหารที่จำเป็นเพิ่มขึ้น เช่น แคลเซียม, วิตามิน C, หรือแร่เหล็ก (เนื้อแดง, ถั่ว, ผักโขม) และฮอร์โมนในร่างกายที่เปลี่ยนแปลงอาจ ทำให้คุณรู้สึกนึกถึงรสชาติของอาหารพวกนี้ รวมทั้งระดับน้ำตาลในเลือดลดลง ก็สามารถทำให้เกิดความอยากรับประทานอาหารบางชนิดได้
แก้ไข: ควรรับประทานอาหารให้น้อย แต่บ่อยขึ้น รวมทั้งรับประทานอาหารที่มีคาร์โบไฮเดรตมากๆ (ข้าว, มันฝรั่งอบ, ขนมปัง และพวกพาสตาต่างๆ), หลีกเลี่ยงอาหารที่มีน้ำตาลมาก - ถ้าคุณอยากรับประทานอาหารแปลกๆ ให้ลองติดต่อกับนักโภชนาการ เพื่อสอบถามเมนูอาหารแปลกๆ

เหงือกอักเสบ (Gum Problems)
สาเหตุ: ฮอร์โมนในร่างกายที่เปลี่ยนแปลงทำให้เหงือกอ่อนนุ่มขึ้น ดังนั้นหากมีรอยขีดข่วนหรือเศษอาหารติดตามซอกฟัน ก็สามารถทำให้เกิดการติดเชื้อและเหงือกอักเสบได้
แก้ไข: ใช้แปรงสีฟันชนิดขนแปรงนิ่มแปรงฟัน แล้วล้างปากด้วยน้ำยาบ้วนปากจะช่วยได้ หากต้องการใช้dental floss (ไหมขัดฟัน) ควรใช้อย่างเบามือ นอกจากนั้นคุณควรพบทันตแพทย์เพื่อ เช็คสุขภาพปากและฟันในช่วงนี้

ปวดศีรษะ (Headaches)
สาเหตุ: ฮอร์โมน, อาการขาดน้ำกระทันหัน (Dehydration), ความอ่อนเพลีย, ความหิว, เยื่อบุโพรงจมูกอักเสบ, หรือภาวะความเครียด ล้วนเป็นสาเหตุทำให้เกิดอาการปวดศีรษะได้
แก้ไข: นวดต้นคอด้านข้าง เริ่มจากฐานของกะโหลกศีรษะ หรือขอให้คู่ของคุณนวดใบหน้า, ลำคอ และไหล่ อาจทำให้รู้สึกดีขึ้น พยายามรับประทานอาหารอย่างสม่ำเสมอครบทุกมื้อ ดื่มน้ำบ่อยๆระหว่างอาหารแต่ละมื้อ

Haemorrhoids (Piles) ริดสีดวงทวาร
สาเหตุ: การกดทับของมดลูกทำให้เลือดเดินไม่สะดวก หลอดเลือดจึงบวม เป็นผลทำให้ทวารหนักเกิดอาการบวมเจ็บ, คัน เวลาถ่ายจึงทำให้บาดและระคายเคืองยิ่งขึ้นเมื่อท้องผูก
แก้ไข: กรุณาดูคำแนะนำสำหรับ "อาการท้องผูก" และพยายามรับประทานอาหารที่ถูกหลักโภชนาการ มีประโยชน์สำหรับคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์ ซึ่งรวมอาหารที่มีวิตามิน B6 (ไก่), วิตามิน C (ผักสด, ผลไม้สด), และวิตามิน E (ไข่, ทูน่า, บรอคโคลี่) แต่ควรปรึกษาแพทย์และเภสัชกร ก่อนที่คุณจะรับประทานวิตามินเสริมเอง

Itching and Rashes (อาการคันและผื่นแดง)
สาเหตุ: อาการคันตามเนื้อตัว เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน, ผิวหนังแห้ง, การยืดตัวของผิวหนังในระยะปลายของการตั้งครรภ์, หรือเกิดจากความร้อนในร่างกาย หรือความอ่อนเพลีย หากคุณรู้สึกว่าเป็นมากจนผิดปกติ ควรรีบพบแพทย์ เนื่องจากอาจบ่งบอกอาการ obstetric cholestasis (อาการผิดปกติของตับซึ่งเกิดได้ยาก) ส่วน Rashes อาจลุกลามได้ในพื้นที่ชื้น หรือ อาจเกิดจากอาการแพ้อาหาบางชนิด, สบู่ หรือแม้แต่ผงซักฟอก
แก้ไข: ดื่มน้ำสะอาดมากๆใช้shower gel (แชมพูอาบน้ำ) แทนสบู่ซึ่งทำให้ผิวแห้ง หรือลองใช้ครีมบำรุงผิวที่มีส่วนผสมของวิตามิน E หรือลองทาคาลาไมน์ หรือเบบี้โลชั่นที่เย็นๆ และใส่เสื้อผ้าที่ทำด้วยคอตตอน

อาการคัดจมูก (Nasal Congestion)
สาเหตุ: ฮอร์โมนเอสโตรเจน (Oestrogen)ที่เพิ่มขึ้นทำให้เกิดมีมูกมาก และนำไปสู่การคัดจมูก
แก้ไข: สั่งจมูกเบาๆ อย่างนุ่มนวล หยดน้ำมันยูคาลิปตัส 2 หยดลงในชามใส่น้ำอุ่น แล้วสูดดม หรือทาครีมวาสลีนเล็กน้อยในจมูกจะช่วยได้ในสภาพแวดล้อมที่แห้ง

คลื่นไส้ อาเจียน
สาเหตุ: ฮอร์โมนที่หลั่งในช่วงตั้งครรภ์ HCG (และภายหลังคือ Oestrogen และ Progesterone) อาจเป็นสาเหตุ
แก้ไข: พยายามทำอะไรช้าๆ อย่ารีบเร่ง ทานอาหารให้น้อยแต่บ่อยๆ ที่อยู่ท้อง ลองทานของหวาน, ขิง (เช่นขนมปังขิง, น้ำขิง หรือในรูปแบบใดก็ได้) ดื่มน้ำสะอาด หรือรสซ่า หรือพวกหวานเย็น วางขนมปังกรอบ พวกบิสกิตไว้ใกล้มือข้างเตียง เพื่อทานในตอนเช้า 20 นาทีก่อนลุกขึ้นจากเตียง

เหงื่อออกในตอนกลางคืน (Night Sweat)
สาเหตุ: การเพิ่มปริมาณของเลือดในร่างกาย ทำใหหลอดเลือดขยายตัวและทำให้ร่างกายร้อน
แก้ไข: ใส่เสื้อผ้าที่ทำจากคอตตอน เวลานอนให้เปิดแอร์, หรือพัดลม หรือแม้แต่วางสเปรย์ฉีดน้ำไว้ใกล้เตียง รับประทานอาหารที่มีโปตัสเซียมสูง เช่นผักสด, ถั่ว, ผลไม้แห้ง - ลูกพรุน

ปวดบริเวณกระดูกเชิงกราน (Pelvic Pain)
สาเหตุ: อาการปวดเกิดจากข้อต่อกระดูกซึ่งหย่อนตัวลง เตรียมพร้อมสำหรับการคลอด ส่วนอาการเจ็บแปลบๆอาจเป็นเพราะทารกในครรภ์ดิ้นไปชนกระเพาะปัสสาวะที่เต็มของคุณ
แก้ไข: หาผ้าห่มหรือถุงนอนมาปูใต้ผ้าปูที่นอน ถ้าเตียงของคุณแข็งเกินไป แล้วนอนตะแคงข้าง กอดหมอนข้างหรือวางหมอนนิ่มๆ ระหว่างเข่าและใต้ท้องของคุณ เวลาก้าวขึ้นเตียงนอน ให้งอเข่าก้าวขึ้นเตียงแล้วค่อยๆ เอนกลิ้งลงนอนอย่างช้าๆ ควรจะปัสสาวะให้บ่อยๆ เพื่อระบายกระเพาะปัสสาวะให้ว่างเสมอ

อาการเจ็บที่กระดูกใต้อก (Rib Pain)
สาเหตุ: อาการเจ็บแปลบๆ ใต้อกด้านใดด้านหนึ่ง เพราะการขยายตัวใหญ่ขึ้นของมดลูกไปกดทับกระดูก
แก้ไข: ซื้อบราที่ได้ขนาดพอดีกับทรวงอกที่ขยายขึ้น (ควรวัดให้ทราบขนาดที่ถูกต้อง) ถ้าบราของคุณคับไปแต่ขนาดของ cup พอดี การเพิ่มผ้าและตะขออาจเป็นประโยชน์ขึ้น ควรนั่งหลังตรงเพื่อให้กระดูกใต้อกของคุณมีเนื้อที่ขึ้น หรือนั่งกับพื้นชูแขนขึ้นเหนือศีรษะ แล้วขอให้คู่ของคุณช่วยดึงแขนแต่ละข้างขึ้นอย่างช้าๆ อย่างเบามือ

Sciatica
สาเหตุ: อาการปวดตั้งแต่ก้นลงมาจนถึงขา หรือเจ็บแปลบขาข้างหนึ่งข้างใด เป็นเพราะลูกในท้องกดทับเส้นประสาท
แก้ไข: นั่งพักและหลีกเลี่ยงการเคลื่อนไหวซึ่งจะไปกระตุ้นให้เกิดอาการเจ็บแปลบอีก (นอนพักจะช่วยได้) ลองบีบนวดอย่างเบาๆ แล้วปล่อยมือ แล้วบีบนวดใหม่ที่ก้น หรือเอามือจับพนักเก้าอี้แล้วแกว่งขาไปมาด้านข้าง (ห่าง 45 องศา) หลายๆ ครั้งทุกวัน ถ้ายังไม่ดีขึ้นหรือมีอาการปวดมากเพิ่มขึ้น คุณควรรีบปรึกษาแพทย์

นอนไม่หลับ
สาเหตุ: อาจเกิดจากความกังวลใจเล็กๆ น้อยๆ, ความไม่สบายใจทั่วๆ ไป, หูไวต่อเสียงรบกวน และการต้องลุกไปเข้าห้องน้ำในตอนกลางคืน
แก้ไข: พยายามเดินออกกำลังกายเบาๆ ทุกวัน, อาบน้ำอุ่น และดื่มเครื่องดื่มผสมนมก่อนนอน, ฟังดนตรีเบาๆจากเครื่องเสียง หรืออกกำลังกายเบาๆ เพื่อให้รางกายได้ผ่อนคลาย หลีกเลี่ยงการทำให้ร่างกายเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าในตอนกลางวัน

กลั้นปัสสาวะไม่อยู่เวลาจามหรือไอ
สาเหตุ: เลือดไหลเวียนไปยังไต ทำให้ร่างกายผลิตปัสสาวะเพิ่มขึ้น และกล้ามเนื้อบริเวณ pelvic floor ย่อหย่อน (พื้นที่โดยรอบด้านหน้าและหลังของทวารหนัก) ทำให้กระเพาะปัสสาวะทำหน้าที่ควบคุมได้ไม่ดีนัก
แก้ไข: ดื่มน้ำหรือของเหลวมากๆ และปัสสาวะบ่อยๆ พยายามขมิบปากช่องคลอดก่อนไอ เพื่อทำให้กล้ามเนื้อบริเวณนั้นกระชับ ให้ฝึกขมิบแล้วปล่อยประมาณ 50 ครั้งต่อวัน (ครั้งละ 10 หน)

เส้นคล้ำที่หน้าท้อง (Stretchmarks)
สาเหตุ: เส้นคล้ำๆ หรือรอยดำๆ เกิดขึ้นเนื่องจากผิวหนังเกิดการตึง แต่จะค่อยๆ จางหายไปหลังจากการคลอด ทั้งนี้เกิดจากระดับของฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน (Progesterone) และความยืดหยุ่นของผิวหนัง และการที่น้ำหนักตัวขึ้นอย่างกระทันหัน
แก้ไข: พยายามให้น้ำหนักตัวขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป ทาออยล์, ครีมบำรุงผิว เพื่อช่วยให้ผิวชุ่มชื้น ยืดหยุ่น แต่ไม่สามารถป้องกันหรือกำจัดรอยนี้ได้

ข้อเท้าบวม (Swelling Ankles)
สาเหตุ: ฮอร์โมนเอสโตรเจน (Oestrogen) เปลี่ยนระดับความคงที่ของโปตัสเซียมโซเดียม และเซลล์ในร่างกายดูดซับของเหลวไว้ ปริมาณของเลือดเพิ่มขึ้น และน้ำหนักของทารกกดทับหลอดเลือดใหญ่
แก้ไข: ยกเท้าให้สูงเท่าที่จะทำได้ นอนตะแคงข้างเพื่อลดการถูกกดทับของเส้นเลือดใหญ่ หลีกเลี่ยงการใส่ถุงเท้าหรือถุงน่องรัดๆ ใส่รองเท้าที่สวมสบาย น้ำลึกๆ อาจช่วยลดอาการบวมได้

Thrush
สาเหตุ: ปวดแสบปวดร้อนที่บริเวณช่องคลอดและมีเมือกขาวๆออกมาด้วย ทั้งนี้ ฮอร์โมนเอสโตรเจน (Oestrogen) เป็นตัวการทำให้เกิด thrush ได้ง่ายในระหว่างที่ตั้งครรภ์
แก้ไข: ใส่กางเกงในที่ทำจากคอตตอน หลีกเลี่ยงการว่ายน้ำ (เพราะมีเคมีคอลในสระน้ำ) และพวกเครื่องอาบน้ำที่ใส่น้ำหอมกลิ่นต่างๆ ทำความสะอาดบริเวณช่องคลอดด้วยน้ำเย็น หรือใช้ฝักบัวรดเบาๆ เช็ดจากด้านหน้าไปด้านหลัง แพทย์อาจแนะนำครีมหรือ pessaries, รับประทานโยเกิร์ตขวดเล็กๆ ทุกวันเพื่อควบคุมแบคทีเรียในระบบย่อยอาหาร ถ้าหากเมือกออกมาก, มีสี หรือมีกลิ่น ถือว่าผิดปกติ ควรรีบปรึกษาแพทย์โดยเร็ว

อาการอ่อนเพลีย
สาเหตุ: การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในตอนต้นของการตั้งครรภ์, น้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้นในเวลาต่อมา, การทำงานหนักมากเกินไป รวมทั้งความเครียด เหล่านี้เป็นสาเหตุทำให้เกิดความอ่อนเพลียเมื่อยล้า
แก้ไข: รับฟังร่างกายของคุณ อย่าให้ร่างกายหักโหมเกินไป หากคุณโดยสารรถประจำทาง - ขอที่นั่งจากผู้โดยสารอื่น อย่ายืนเมื่อคุณสามารถนั่งได้ ยกเท้าขึ้นในช่วงพักเที่ยง (ถ้าคุณอยู่ในที่ทำงาน) ทานอาหารกลางวันและอาหารค่ำทุกมื้อ และถ้าเป็นไปได้ควรงีบในตอนบ่าย เข้านอนแต่หัวค่ำ

Vaginal Discharge
สาเหตุ: เกิดจากฮอร์โมนที่เพิ่มขึ้นทำให้มีอาการตกขาว ซึ่งมักจะเป็นในเดือนหลังๆ แต่ไม่มีผลร้ายต่อร่างกายแต่อย่างใด แต่ถ้ามีมากหรือมีสี มีกลิ่นถือว่าผิดปกติ ควรรีบพบแพทย์โดยเร็ว
แก้ไข: ล้างทำความสะอาดด้วยน้ำอุ่น 2 ครั้งต่อวัน หลีกเลี่ยงเครื่องอาบน้ำที่ผสมน้ำหอม และเปลี่ยนมาใช้ชุดชั้นในที่ทำจากคอตตอน อาจใช้ผ้าอนามัยชนิดบางเพื่อซึมซับ หลีกเลี่ยงการใส่กางเกงในคับๆ ยีนส์ หรือ leotards (กางเกงใส่เต้นแอโรบิค) คับๆ

เส้นเลือดขอด (Vericose Veins)
สาเหตุ: เส้นเลือดสีน้ำเงินม่วงที่ขอดๆ บนขา (หรือเรียกว่า Vulva) เกิดจากฮอร์โมนที่เปลี่ยนแปลง, ปริมาณของเลือดที่เพิ่มขึ้น, การไหลเวียนของเลือดที่ขาไม่สะดวก, และการพองตัวของเส้นเลือดดำ
แก้ไข: รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ รวมทั้งวิตามิน C มากๆ, เดินยืดเส้นยืดสาย หรือออกกำลังกายเบาๆ ที่ขา อาจช่วยให้เลือดหมุนเวียนดีขึ้น ใส่เสื้อผ้าหลวมๆ ใส่กางเกงพยุงครรภ์ และหลีกเลี่ยงการยืนเป็นเวลานานๆ

หลักปฏิบัติเพื่อลดอาการอึดอัดขณะตั้งครรภ์
คุณควรเอาใจใส่กับท่านั่ง ท่ายืน รับประทานแต่อาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ถูกสุขอนามัย และพักผ่อนให้เพียงพอ
ถ้าคุณไม่แน่ใจอาการที่คุณเป็นอยู่ ว่ามีความสำคัญหรือไม่ เพียงใด ควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อขอคำแนะนำ
ถ้านี่เป็นการตั้งครรภ์ครั้งแรกของคุณ ควรซักถามข้อสงสัยเกี่ยวกับอาการแพ้หรืออาการข้างเคียงให้มากที่สุดจากแพทย์เฉพาะทาง เพื่อที่คุณจะได้ทำความคุ้นเคยและได้รับความรู้ว่าการตั้งครรภ์นั้นจะต้องรู้สึกและมีอาการอย่างไรบ้าง

ถ้าคุณมีอาการดังกล่าวต่อไปนี้ ควรรีบปรึกษาแพทย์ทันที
การไปพบหมอบ่อยๆ นั้นเป็นการดีกว่าการไม่ไปพบหมอเลย ถึงแม้คุณจะคิดว่า หากไปพบหมอแล้วจะไม่พบปัญหาใดๆ นั่นเป็นการดีสำหรับคุณ แต่ถ้าหากมีปัญหาขึ้นมา การแก้ไขหรือการรักษาจะง่ายขึ้น ถ้าคุณหมอพบปัญหาตั้งแต่แรก

อาการปวดท้องหรือเป็นตะคริว ซึ่งเพิ่มความปวดขึ้นเรื่อยๆ หรือมีอาการปวดมากกว่า 24 ชั่วโมง
มีเลือดออกจากช่องคลอด, อุณหภูมิในร่างกายสูงผิดปกติ
มีไข้สูง อาเจียนอย่างต่อเนื่อง
ปวดศีรษะอย่างรุนแรง ทานยาแล้วไม่หาย หรือสายตาพร่ามัว
หน้าบวม มือ เท้าบวมจนไม่สามารถสวมรองเท้าได้
อาการอื่นที่คุณวิตกกังวล

ทำความรู้จักฮอร์โมนในระหว่างตั้งครรภ์สักเล็กน้อย

ฮอร์โมนที่เปลี่ยนแปลงในร่างกายระหว่างการตั้งครรภ์และอาการข้างเคียงที่เกิดขึ้นกับคุณนั้น เป็นไปเพื่อทำหน้าที่ให้เกิดประโยชน์ที่ดี เช่น อาการแพ้ยามตั้งครรภ์มีส่วนมาจากผลของระดับ HCG (Human Chrionic Gonadotrophin) เพิ่มขึ้นซึ่งผลิตโดยรก (Placenta) ที่กำลังเจริญเติบโต เมื่อรกได้รับฮอร์โมนชนิดนี้แล้วในเวลา 12 อาทิตย์ ระดับฮอร์โมน HCG จะลดลง ดังนั้นอาการคลื่นไส้มักจะหายไปภายใน 16 อาทิตย์
ข้อต่อกระดูกต่างๆ มีการหย่อนตัวมากขึ้นเพื่อให้ร่างกายคลอดบุตรได้ง่ายขึ้น แต่นั่นทำให้คุณเกิดอาการแสบร้อนที่หน้าอก (Heartburn) และปวดหลัง ส่วนฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน (Progesterone) จะช่วยให้กล้ามเนื้อยืดหยุ่นเช่น มดลูก ทั้งนี้เพื่อปกป้องทารกในครรภ์ให้ปลอดภัยจากการแข็งตัวของมดลูก แต่ฮอร์โมนนี้มีผลทำให้คุณเกิดการท้องผูก นอกจากนั้น 2-3 วันก่อนคลอดฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนจะลดลง และทำให้การแข็งตัวของมดลูกรุนแรงขึ้น และคุณอาจจจะมีอาการท้องเสีย
ฉะนั้นเป็นสิ่งสำคัญมากที่คุณควรไปพบหมอที่ฝากครรภ์ ตามนัดทุกครั้ง เพื่อหมอจะได้พิจารณาว่าอาการข้างเคียงใดที่เป็นปัญหาควรได้รับการรักษา เช่นอาการบวมเป็นต้น อาจจะมีสาเหตุมาจากอากาศร้อน แต่ถ้าความดันโลหิตของคุณขึ้นสูง และมีปริมาณโปรตีนในปัสสาวะ นั่นอาจเป็นสาเหตุเบื้องต้นของโรคครรภ์เป็นพิษ (Pre-eclampsia) ซึ่งคุณจะต้องได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิดจากแพทย์

Sunday, May 30, 2010

สัปดาห์ที่ 13 กับการเฝ้าดูอาการ

เลย 3 เดือนแล้ว ...
คุณแม่ยังไม่หายแพ้เลย เพิ่งจะโดนฉีดยาแก้แพ้เข็มที่ 4 T T ไปเมื่อวันศุกร์
ตกเลือดน้อยๆ 4-5 วัน เล่นเอาเป็นกังวล
ตรวจภายในก็ไม่สำเร็จ เพราะแม่กลัวจนเกร็ง คุณหมอจึงไม่ตรวจให้

อาการแพ้เหมือนจะดีขึ้น
เพราะว่าอ้วกน้อยลง ... ทานข้าวได้มากขึ้น
แต่ อาการคัน จากผื่นแพ้ มีมากช่วงนี้
ลามไปจนทั่วขาและสะโพก เล่นเอาคันจนนอนไม่ค่อยหลับ T T

Friday, May 14, 2010

อัลตราซาวน์ครั้งแรก first see baby

ใกล้ครบระยะ 3 เดือนแล้ว ( ย่างเข้า สัปดาห์ที่ 12)
วันนี้ โดนฉีดยา แก้แพ้ เข้า สะโพกอีก 1 เข็ม TT
ช่างเป็นเรื่องหน้าเศร้าที่ต้องทำใจ สำหรับคนที่แพ้ท้องมากเหมือนคุณแม่

ทำอัลตราซาวน์ครั้งแรกแล้ว *-* / เห็นลูกหลับอยู่ ตัวนิ๊ดเดียว คุณหมอบอกว่าขนาด 5.52 CM.
คุณหมอแกล้งหนู กดเครื่องอัลตราซาวน์ไปๆมาๆเขย่าๆ โพรงมดลูก ดูหนูเป็นเด็กขี้เซาพอสมควร ^ ^
แล้วก็ตื่นมาดิ้นๆ ... แม่เห็นมือเล็กๆของหนูด้วยหละ
มันดีใจบอกไม่ถูก ... คุณพ่อยืนดูอยู่ด้วย ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เชีียว
เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นลูกมั๊ง ^ ^ /
อย่าดื้อมากหละ แม่ไม่อยากถูกฉีดยาบ่อยๆ
ครั้งนี้ หมดค่ารักษาไป 2,044 บาท


(เว้นไว้ใส่รูปแสกนนะ)


วันที่ 6 (สัปดาห์ที่แล้ว) แพ้ท้องรุนแรง กินไม่ได้เลย กินเท่าไหร่ อ้วกออกมาหมด
ก็โดนเจาะน้ำเกลือ ให้นอนที่ รพ. 5 ชม. ในห้องคุณแม่สุดหรู ของแผนกสูตินารีฯ

มือยังช้ำเขียวไม่หายเลย โดนฉีดยาเข้าสะโพก และยาแก้แพ้ รวม 2 เข็ม
หมดไป 5,230 บาท -*- เจ็บจี๊ดตรงค่ารักษานี่แหละ เอิ้กๆ

ยาจัดหนัก
- Dramamine 50 MG
- CPM 4 MG
- PLASIL 10 MG
- FOLIC ACID 5 MG
- VIT B6 50 MG
+ ยาฉีด 2 เข็ม
+ น้ำเกลือ + วิตามิน 1 ถุง

ปล. น้ำหนักลด 4 กก. แล้ว (ตอนนี้หนัก 50)

Thursday, April 22, 2010

8 สัปดาห์ แพ้อย่างต่อเนื่อง

สัปดาห์ที่ 8 ย่างเข้าสัปดาห์ที่ 9 แล้ว ...

คุณแม่ แพ้ท้องค่อนข้างมาก เริ่มแพ้ตั้งแต่ต้นเดือน
อ้วกทุกวัน วันละหลายๆรอบ เบื่ออาหาร และเหม็นกลิ่นของทอดอมน้ำมัน
หมอให้ยาช่วยลดอาการคลื่นไส้มา เหมือนช่วยได้เล็กน้อย
เป็นช่วงที่ลำบากทีเดียวลูกจ๋า T T

น้ำหนักลดลงไป 2 กิโลกรัม
อากาศก็ร้อนจนจะเป็นลม
สิวเห่อเต็มหน้าผาก
ผิวคล้ำ ขึ้น .....


คุณพ่อไปทำงาน ต่างจังหวัด 3 วัน เหงาจังเลย
วันนี้คุณพ่อจะกลับมาหาแล้วนะ แต่คงดึกๆ แล้วเราคงได้กลับบ้านกัน

ปล. 3 วันนี้ไปอยู่บ้านอาม่า กัน

***********************************************

บทความจาก กระปุก

ยิ่ง แพ้ท้อง ยิ่งช่วยปกป้องเจ้าตัวน้อย (M&C แม่และเด็ก)




บ่อยครั้งอาการแพ้ท้องมักสร้างความทรมานและรำคาญให้คุณแม่ แต่คนโบราณมีความเชื่อว่า ยิ่งแพ้ท้องมาก ยิ่งเป็นสัญญาณว่าลูกที่กำลังจะเกิดมา เป็นเด็กที่มีร่างกายแข็งแรง สมบูรณ์ ซึ่งงานวิจัยชิ้นหนึ่งก็ออกมาสนับสนุนความเชื่อนี้ จากการศึกษาวิจัยหญิงตั้งครรภ์หลายพันคน พบว่า แม่ตั้งครรภ์ที่มีอาการแพ้ท้อง ร่ายกายจะปกป้องตัวเองและทารกจากอันตราย ที่เกิดจากการติดเชื้อของทางเดิน อาหารต่าง ๆ ที่ทานเข้าไป รวมถึงสารเคมีต่าง ๆ ในอาหาร ได้ดีกว่าผู้หญิงทั่วไป



โดยเฉพาะอย่างยิ่งในไตรมาสแรกของการตั้งครรภ์ เป็นช่วงที่ทารกมีการเจริญเติบโตของ แขน ขา และระบบประสาทส่วนกลางของทารก ซึ่งอาการแพ้อาหารบางอย่าง หรือแพ้สิ่งที่ไม่เคยแพ้ จะช่วยสร้างระบบป้องกันการติดเชื้อจากธรรมชาติ และไม่เป็นอันตรายต่อทารก



นอกจากนี้ ยังได้มีการศึกษาวิจัยแม่ตั้งครรภ์ที่คลอดลูกออกมาปกติสมบูรณ์ กับแม่ตั้งครรภ์แล้วแท้งลูก เป็นจำนวนหลายพันคน พบว่า แม่ที่แพ้ท้อง มักมีโอกาสประสบความสำเร็จคลอดลูกออกมาสมบูรณ์แข็งแรงกว่าแม่ ที่ไม่มีอาการแพ้ท้องขณะตั้งครรภ์ แต่สำหรับคุณแม่คนไหนที่โชคดี ไม่มีอาการแพ้ท้อง ก็ไม่ต้องวิตกกังวลไป ถือว่าเป็นความโชคดีไปค่ะ



ส่วนใหญ่แล้วอาการแพ้ท้องจะเกิดขึ้นในช่วง ประมาณเดือนที่ 2 ของการตั้งครรภ์คือประมาณสัปดาห์ที่ 6 ขึ้นไป แต่หลังจากเดือนที่ 3 และ 4 ฮอร์โมน HCG เริ่มลดลง อาการแพ้ท้องก็จะค่อย ๆ หายไปด้วยค่ะ



นอกจากนี้สภาพจิตใจและอารมณ์ของแม่เอง ก็มีส่วนทำให้เกิดอาการแพ้ได้ท้องได้เช่นกัน ว่ากันว่าคุณแม่คนไหนที่มีจิตใจอ่อนไหว อารมณ์แปรปรวน มักมีอาการแพ้ท้องมากกว่าแม่ที่อารมณ์มั่นคง จิตใจเข้มแข็ง การดูแลเอาใจจากคนใกล้ชิด ก็เป็นสิ่งที่คุณแม่ท้องต้องการมากกว่าสิ่งใด โดยเฉพาะการเอาอกเอาใจจากคุณสามี เพราะคนท้องมักน้อยใจและหงุดหงิดโดยไม่ทราบสาเหตุ และไม่รู้ตัวค่ะ



และเราก็มีเทคนิคบรรเทา อาการแพ้ท้องมาแนะนำคุณแม่ด้วยนะคะ



ดื่มน้ำขิงอุ่น ๆ สักแก้วตอนเช้า จะช่วยให้อาการแพ้ท้องทุเลาลงได้ค่ะ



เวลาทานข้าว อย่าทานให้อิ่มมาก ให้ทานทีละน้อย ๆ แต่แบ่งเป็นหลายมื้อ ทานเสร็จแล้วก็เดินย่อยสักหน่อย อย่านั่งหรือนอนในทันที



หลีกเลี่ยงอาหารจำพวกแป้ง ของมัน ของแสลง ของคาว



ควรทานอาหารที่อ่อน ๆ ย่อยง่าย เพราะตอนท้องฮอร์โมนจะสูงขึ้น ทำให้ลำไส้ทำงานช้าลงและย่อยช้า ทำให้ท้องอืดง่าย และทำให้รู้สึกอยากอาเจียนได้



หลังทานข้าวไม่ควรแปรงฟันทันที เพราะแปรงสีฟันที่แหย่เข้าไปในปาก อาจทำให้รู้สึกอาเจียนได้



ก่อนนอนควรพยายามทานอะไรเบา ๆ สักหน่อย เช่น โยเกิร์ต นม เพื่อจะได้ช่วยป้องกันอาการแพ้ท้องหลังตื่นนอนตอนเช้า



พยายามอยู่ในสถานที่ที่มีอากาศ ถ่ายเท จะได้หายใจเต็มปอด และไม่เกิดอาการวิงเวียน



พยายามอย่าเครียด ทำจิตใจให้สบาย อย่าคิดเล็กคิดน้อย จำไว้ว่าอารมณ์มีผลต่ออาการแพ้ท้องได้ค่ะ

Thursday, April 8, 2010

วันนี้ "บวม"

ตื่นตอนเช้าด้วยอาการ "บวม"


ตาบวม - จมูกบวม และหน้าบวม ใครๆก็ทักว่าวันนี้โทรมจัง

เหมือนคนร้องไห้ทั้งคืน แล้วตื่นมาตอนเช้าแบบเบลอๆ



สงสัยเมื่อคืนอ้วกมากไปหน่อย และ มีไข้หนาวสั่นอ่อนๆ > <"

My -- God --- ฉันจะต้องอยู่ในสภาพนี้อีกนานเท่าไหร่?



2-3 วันนี้คุณแม่แพ้ท้อง มากจัง ทานอาหารอะไรก็ไม่ค่อยได้ เหม็นหืน

โดยเฉพาะพวกหวานจัดๆ และ อมน้ำมันเยอะๆ ขนาดยำหมูแซ่บ ยังขย้อนออกแทบไม่ทัน



ในปาก มีรสฝาดๆลิ้น และ พะอืดพะอมอยู่ตลอดเวลา

อ้วกออกทั้งน้ำลาย น้ำย่อย น้ำมูก และน้ำตา

ไม่แปลกที่จะดู จมูกเบ่ง ตาบวม เหมือนคนเพิ่งร้องไห้มา T T



เรื่องลำบากสำหรับช่วงนี้คือ หาของกิน ยังงัยให้กินได้อย่างมีความสุข

เพราะทุกอย่างดูเหมือนไม่น่ากินไปหมด

Sunday, April 4, 2010

โรคหวัด และ อาการแพ้ท้อง morning sickness and Cold during early-pregnancy

หลังจากป่วยเป็นไข้หวัด คออักเสบ  มา 1 สัปดาห์ ยาใกล้หมดแล้ว แต่ยังไม่หายซะทีเดียว
ถูกหมอดุด้วยว่าให้ระวังตัวมากกว่านี้อย่าคลุกคลีกับ คนเป็นหวัด เพราะคนตั้งครรภ์จะมีภูมิคุ้มกันลดลง
เวลาป่วยจะเป็นหนักและรักษานานกว่าปรกติ

ยาที่ให้ทานได้แค่กลุ่มนี้กลุ่มเดียว เป็นยาฤิทธิอ่อน
ถ้าเป็นบ่อยทานบ่อยแล้วดื้อยาขึ้นมา ก็จะทานตัวอื่นไม่ได้เพราะมีผลกระทบต่อเด็ก -*-

และอาการแพ้ท้องเหมือนจะเพิ่งเริ่มมาแทนไข้หวัด คุยกับเพื่อนๆที่ตั้งท้องด้วยกัน
เค๊าบอกมาว่า อาการแพ้ท้องจะเริ่มตอนใกล้ๆ 2 เดือน -0-

ถ้านับตามปฏิทินตั้งครรภ์ (นับตั้งแต่วันแรก ของการมี ปจด. เดือนสุดท้าย)
สัปดาห์นี้ของเราก็จะเข้า สัปดาห์ที่ 7 แล้ว

สัปดาห์ก่อน คลื่นไส้อาเจียน แต่ทานข้าวอิ่มก็หาย เลยคิดว่าจะเป็นเพราะหิว

แต่วันนี้ไม่ใช่  คลื่นไส้อาเจียน ช่วงเช้า ถึงจะทานข้าวเช้าอิ่มแล้ว ก็ยังเป็น... T T


ไปเสริทหาข้อมูลในเน็ท เกี่ยวกับอาการแพ้ท้อง

อาการแพ้ท้องจะคงอยู่เป็นระยะเวลานานเท่าใด
อาการแพ้ท้อง มักแตกต่างกันไปในแต่ละคน คุณแม่บางท่าน อาจมีอาการคลื่นไส้หรือรู้สึกไม่สบาย โดยมักจะเกิดขึ้นหลังจากตั้งครรภ์ได้สัก 2-3 สัปดาห์ แต่บางท่านก็มีอาการเพียงแค่ไม่กี่วันหลังตั้งครรภ์ ถ้าโชคดี คุณอาจไม่มีอาการแพ้ท้องเลยก็ได้ และการแพ้ท้องอาจเกิดขึ้นเวลาใดก็ได้ ไม่จำเป็นต้องเป็นช่วงเช้าเสมอไป

โดยส่วนใหญ่แล้ว อาการแพ้ท้อง จะ หมดไปในช่วงเดือนที่ 3 ของการตั้งครรภ์ อย่างไรก็ตาม อาการคลื่นไส้อาเจียนอาจเกิดขึ้นได้อีกตลอดช่วงตั้งครรภ์ เพียงแค่ได้กลิ่นบางอย่างที่ชวนให้คลื่นเหียนอาเจียน และแน่นอนว่ากลิ่นที่ชวนให้รู้สึกคลื่นเหียนอาเจียนก็แตกต่างกันไปในแต่ละคน


วิธีการรักษาอาการแพ้ท้องที่ใช้ได้ผลมี ดังนี้

  • รับ ประทานของขบเคี้ยวง่ายๆ และไม่หวานมากทันทีที่คุณตื่นนอน เช่น บิสกิตหรือขนมปังกรอบจะช่วยได้อย่างมาก จากนั้น ให้นอนพักอีก 20-30 นาที ก่อนลุกออกจากเตียง
  • ในช่วงที่เหลือระหว่างวัน พยายามรับประทานครั้งละน้อยๆ แต่รับประทานบ่อยๆ ทานอะไรสักหน่อย ดีกว่าไม่ได้ทานอะไรเลยหรือซื้อของขบเคี้ยวมาเก็บไว้ เช่น ขนมปังกรอบหรือโยเกิร์ตไว้รับประทานเวลาหิว
  • อาหารที่มีโปรตีนหรือ คาร์โบไฮเดรตสูงสามารถช่วยป้องกันอาการคลื่นไส้อาเจียนได้ เพราะฉะนั้น พยายามรับประทานอาหารทั้งสองชนิดนี้ร่วมกัน เช่น รับประทานไข่สุกกับขนมปังปิ้ง
  • ดื่มน้ำมากๆ ไม่ว่าจะเป็นเปล่า น้ำผลไม้ นม ชาผลไม้ น้ำอะไรก็ตามที่คุณสามารถดื่มได้ น้ำขิงหรือชาขิงจะช่วยให้อาการคลื่นไส้อาเจียนลดลงและทำให้หายจากอาการแพ้ ท้องได้ ที่สำคัญ อย่าลืมหาเวลาผ่อนคลายเพื่อกำจัดความเครียดที่เกิดขึ้นในแต่ละวัน การพูดคุยกับว่าที่คุณแม่คนอื่นๆ ที่มีอาการแพ้ท้องเช่นเดียวกันก็สามารถช่วยผ่อนคลายได้ 

Friday, March 26, 2010

คุณพ่อเป็นไข้หวัดใหญ่ 2009?

เมื่อคืนวานนี้คุณพ่อป่วยเป็นไข้สูงมาก คุณหมอจึงแนะนำว่า ควรแยกห้องนอนกับผู้ป่วย และรอดูอาการ 2 วันหากไข้ไม่ลดลงมีความเสี่ยงสูงที่จะเป็นไข้หวัดใหญ่ 2009  O__O"

และอันตรายสำหรับคุณแม่ซึ่งกำลังตั้งครรภ์อ่อนๆ คุณพ่อกลัวหนูกับคุณแม่ติดไข้
คุณพ่อจึงขับรถพาแม่กับลูกมาส่ง ให้ค้างคืนที่บ้านอาม่า

ช่วงนี้น่าจะเป็นสัปดาห์ที่ 5-6 ซึ่งหนูน่าจะกำลังแบ่งตัวสร้างอวัยวะ ... รึเปล่าน๊า?

T _ T ไม่รู้จะต้องแยกกันกี่วัน
แม่ไม่เหงาเพราะมีหนูอยู่ในพุงเป็นเพื่อน แต่สงสารคุณพ่อที่ต้องนอนป่วยคนเดียวที่บ้านของเรา



ปล. วันนี้ช๊อปปิ้งชุดใหม่สำหรับคุณแม่มาอีก 1 ชุด

******************************************************************
ข้อมูลเพิ่มเติม
หญิงตั้งครรภ์ กับไข้หวัดใหญ่ 2009


หญิงตั้งครรภ์ที่ติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ 2009 อาการแรกเริ่มจะเหมือนกับไข้หวัดทั่วไป คือมีไข้ ไอ เจ็บคอ มีน้ำมูก อาจมีอาการปวดตามตัว ปวดศีรษะ อ่อนเพลีย หรือคลื่นไส้ อาเจียน แต่เมื่อใดก็ตามที่ไข้สูง อาการเป็นมาก กินยาแล้วยังไม่ดีขึ้น ต้องรีบไปพบแพทย์ เพราะบางรายอาการอาจรุนแรงในเวลาอันรวดเร็ว จึงมีการจัดหญิงตั้งครรภ์ให้อยู่ในกลุ่มเสี่ยงสูงเมื่อเป็นโรคนี้

ถ้าถามว่าความเสี่ยงสูงอย่างไร คงเทียบได้กับความเสี่ยงในกลุ่มผู้ป่วยที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไปแล้วเป็นโรคนี้

หญิงตั้งครรภ์ที่เป็นไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ควรได้รับยารักษาโรคเร็ว ถ้ามีอาการที่น่าสงสัย เช่น ไข้สูง ปวดตามตัว ไอมาก มีน้ำมูก ร่วมกับมีประวัติเคยสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ที่ป่วยเป็นโรคนี้ หรือตรวจคัดกรองแล้วให้ผลเป็นบวก ควรเริ่มการรักษาทันทีโดยไม่จำเป็นต้องรอผลการตรวจยืนยัน ซึ่งใช้เวลาหลายวัน มักแนะนำให้ยารักษาภายใน 48 ชั่วโมงหลังจากเริ่มมีอาการ

ยาที่ให้ได้แก่ โอเซลทามิเวียร์ รับประทานเป็นเวลา 5 วัน การได้ยาเร็วมักได้ผลดี เพราะหญิงตั้งครรภ์ที่ติดเชื้อนี้มีบางรายเกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรงได้ เช่น โรคปอดบวม

หลายคนอาจมีความกังวลว่า ยาโอเซลทามิเวียร์จะมีผลเสียต่อทารกในครรภ์หรือไม่ จากการที่มีการใช้ยานี้ในหญิงตั้งครรภ์ที่เป็นไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาลที่ผ่านๆ มา ยังไม่ปรากฏหลักฐานชัดเจนว่ายามนี้จะมีผลเสียต่อทารกในครรภ์

แม้ว่าหญิงตั้งครรภ์ที่เป็นไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาลจะมีอัตราการแท้ง และการคลอดก่อนกำหนดสูงกว่าคนทั่วไป ส่วนใหญ่มักจะเป็นจากอาการของโรค เพราะการมีไข้สูงมากจะมีผลทำให้แห้ง หรือก่อให้เกิดความผิดปกติของทารกในครรภ์ได้ หากมีไข้สูงควรรับประทานยาพาราเซตามอล หรืออะเซตามิโนเฟน ไม่ควรรับประทานแอสไพริน

อย่างไรก็ตาม ในช่วง 3 เดือนแรกของการตั้งครรภ์ ซึ่งเป็นช่วงที่มีการสร้างอวัยวะต่างๆ ของทารก การจะรับประทานยาใดๆ คงต้องพิจารณาให้รอบคอบ แพทย์มักจะชั่งน้ำหนักดูระหว่างความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรงจาก โรค กับผลเสียที่อาจเกิดจากยา

เมื่อใดที่เห็นว่าความเสี่ยงของหญิงตั้งครรภ์จากโรคมีสูง แพทย์ก็จะให้ยาทันที

ดังนั้นการจะให้ยาหรือไม่จึงต้องพิจารณาเป็นรายๆ ไป แต่ถ้าอายุครรภ์ 4 เดือนขึ้นไป และมีอาการน่าสงสัยมากดังที่กล่าวมาข้างต้น ควรจะได้ยาโอเซลทามิเวียร์เลย โดยไม่ต้องรอผลการตรวจยืนยันเชื้อ

หญิงตั้งครรภ์ได้รับเชื้อไข้หวัดใหญ่ 2009 มาแล้ว สามารถถ่ายทอดติดไปถึงลูกในครรภ์หรือไม่ ?

แม้จะยังไม่มีข้อมูลมากพอ แต่ในทางทฤษฎีเมื่อผู้ใดติดเชื้อ จะมีช่วงหนึ่งที่ไวรัสเข้าไปในกระแสโลหิต แม้จะเพียงจำนวนน้อยและจะหายไปในเวลาอันสั้น ถ้าบังเอิญเด็กคลอดในตอนนั้น เด็กอาจได้รับเชื้อมาได้ แต่ถ้าอาการของหญิงตั้งครรภ์ดีขึ้นแล้วเด็กที่คลอดก็ไม่ควรจะติดเชื้อมาด้วย

การให้นมแม่หลังคลอด เนื่องจากไข้หวัดใหญ่ 2009 ยังเป็นเชื้อไวรัสสายพันธุ์ใหม่ จึงยังไม่มีหลักฐานว่าเชื้อผ่านทางน้ำนมได้หรือไม่ แต่จากรายงานต่างๆ เกี่ยวกับไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล แทบไม่พบเชื้อไวรัสเหล่านั้นในกระแสโลหิต จึงไม่น่าจะมีเชื้อออกมาทางน้ำนม และการที่คุณแม่ได้ยาต้านไวรัสก็ไม่ได้เป็นข้อห้ามในการให้นมลูก

จึงแนะนำว่าเด็กควรได้รับนมแม่หากขณะที่คลอดคุณแม่ยังไม่แน่ว่าหายจากโรค หรือยัง ให้ใช้วิธีบีบน้ำนมใส่ขวด แล้วให้บุคคลอื่นเป็นคนป้อนนม ถ้าคุณแม่มีอาการคล้ายเป็นหวัด แนะนำให้ใส่หน้ากากอนามัยในขณะดูแลลูกหรือให้นมลูก

ข้อแนะนำสำหรับหญิงตั้งครรภ์ทั่วไปเพื่อไม่ให้ติดเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ ใหม่ 2009 ได้แก่ เมื่อไปจับต้องสิ่งของนอกบ้าน ต้องล้างมือทุกครั้งด้วยสบู่ หรือเจลล้างมือ เมื่อออกจากบ้านไปในที่ชุมนุมชนใส่หน้ากากอนามัยทุกครั้ง

หากมีบุคคลในครอบครัวเป็นไข้หวัดใหญ่ 2009 ต้องแยกออกไปทันที หรือถ้าใครในบ้านเป็นหวัดให้ใส่หน้ากากอนามัยไว้

สำหรับการฉีดวัดซีนป้องกันโรคในหญิงตั้งครรภ์ แม้ว่าจะมีวัดซีนหลายอย่างที่มีหลักฐานชัดเจนว่าปลอดภัย เช่น วัคซีนป้องกันบาดทะยัก แต่สำหรับวัดซีนไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ที่มีข่าวว่ากำลังจะนำออกมาใช้ เนื่องจากหลักฐานความปลอดภัยยังไม่ชัดเจน

จึงไม่แนะนำให้หญิงตั้งครรภ์ฉีดในขณะนี้

Wednesday, March 24, 2010

วันชิวๆ ของการปรับตัว

4 วัน แล้ว.....ปรกติจะท้องอืดมากมาย นอนกระสับกระส่าย และคันไปทั้งตัว
ใช้ครีมบำรุงผิวทาช่วยก็ไม่บรรเทาลงสักเท่าไหร่

ไปอ่านเจอในกระทู้ เรื่องอาการคันจากผิวแห้ง เกิดจากการใช้สบู่ฟองเยอะฟอกตัว รวมถึงการอาบน้ำอุ่นจัด จึงซื้อสบู่เหลวใหม่ มาใช้ และพยายามอาบน้ำอุณหภูมิปรกติ แทนน้ำอุ่นจัด

วันนี้ตื่นนอนไม่ค่อยอ่อนเพลีย เพราะนอนหลับสบายขึ้น ไม่ค่อยคันตามผิวหนัง อาจเนื่องมาจากการเปลี่ยนสบู่  เริ่มชินกับอาการท้องอืด อาจจะเนื่องมาจาก ยาลดกรดที่หมอโรคกระเพาะให้มา

อ่านเจอในกระทู้มาว่า อาการการท้องอืดระหว่างตั้งครรภ์นั้นมาจากการที่มดลูกขยายตัวไปกดทับกระเพาะอาหารและ ระดับฮอร์โมนที่เปลี่ยนแปลง ซึ่งอาจมีอาการท้องผูกร่วมด้วย

แก้ไขอาการท้องอืดทำได้โดย ทานอาหารย่อยง่าย ครั้งละน้อยๆ บ่อยครั้งขึ้น  / ทานอาหารที่มีไฟเบอร์ช่วยแก้อาการท้องผูก / ทานนมเปรี้ยวเพิ่มจุลินทรีย์ช่วยย่อย และ ออกกำลังกายเบาๆ

Tuesday, March 23, 2010

วันที่สาม เตรียมพร้อมกับอุปกรณ์แก้คัน!! และเครื่องสำอางค์สำหรับคุณแม่

วันที่นี้เป็น 3 ของการรับรู้ว่า มี 1 ชีวิตน้อยๆ กำลังจะมากำเนิดอยู่ในร่างกายของเรา ^^
อาการบ่งบอกเรื่องตั้งครรภ์ชัดเจนขึ้น คือ ปวดท้องตึงๆ ปัสสวะบ่อยๆ และง่วงนอน และมีอาการคันตามตัวมากขึ้น แอบไปสอบถามจากผู้มีประสบการณ์ ปรากฎว่าแต่ละคนอาจจะมีอาการที่ต่างกันไป เช่น บางคนปวดหัวมาก บางคนง่วงนอนมาก สำหรับเรา "คัน"มากกกก...เผลอเกาจนห้อเลือดเลยแย่จัง คงต้องหาครีมทาผิวซะหน่อย

สิ่งที่ต้องศึกษาเพิ่มเติมคือ เครื่องสำอางค์สำหรับคุณแม่ และโลชั่นทาผิวแก้คัน ที่เหมาะสมสำหรับหญิงมีครรภ์ คืออะไรบ้าง?

จากที่ไปตามอ่านมาจากกระทู้ ส่วนใหญ่เน้นให้ใช้ เครื่องสำอางค์ที่ไม่มีน้ำหอม หรือ ผลิตจากสมุนไพรธรรมชาติ ห้ามใช้พวกเสปรย์แต่งผม เพราะมีสารที่มีผลต่อการพัฒนาอวัยวะสืบพันธ์ของเด็กในครรภ์ ถ้าเป็นไปได้หากจะย้อมผมต้องเลือกดีๆด้วย ...Bra bra.....

จากที่สอบถามเภสัชกร ร้าน Booth เค๊าบอกให้หลีกเลี่ยงโลชั่นกลิ่นหอม และแนะนำให้ใช้ครีมของEucerin  สอบถามพี่สะใภ้ พี่บอกว่าใช้ วาสลีนสิ ราคาไม่แพงและดีมาก Eucerin ก็โอนะแต่เค๊าเคยใช้ 2 อย่าง ก็คล้ายๆกัน วาสลีนประหยัดกว่า ...อืม  เลยได้มา 1 ขวด หุหุ


















วาสลีนแบบไม่มีกลิ่นหอมไว้ทาผิวแก้คัน

สอบถามเภสัชกรหน้าหมู่บ้าน เค๊าบอกว่า " ใช้ได้หมดแหละครับ เพราะถ้าใช้ไม่ได้ ข้างกล่องจะมีระบุควบคุม เช่น ... สตรีมีครรภ์ห้ามใช้" ...แต่ถ้าจะใช้พวกสมุนไพรก็นี่เลย ...เภสัชแนะนำ และแล้วก็เลยซื้อ แชมพู และ ครีมนวดผมสมุนไพรสูตรขิง + ครีมทาผิวสูตรแตงกวาสกัด ของอภัยภูเบศร์ มาลองใช้

ครีมทาผิวสมุนไพร และ ยาสระผมสมุนไพร เพื่อความปลอดภัยจากสารเคมี


เก็บตกเครื่องแต่งตัว คุณแม่มือใหม่ ^^
หลังจากพบหมอเพื่อฝากครรภ์ รีบแจ้นไปซื้อรองเท้า ชอบทั้งคู่เลยเลือกไม่ถูกถอยมา มา 2 คู่ สไตล์เดียวกันเลย อิอิ


Senso สีขาวมุก 799 บาท และ polo club สีดำ 1,850 บาท 
เอาส้นเตี้ยๆ ใส่กระชับ พื้นนิ่มสวมสบาย ......




และชุดเดรท สำหรับคุณแม่ชุดแรกของ Classify ลดราคา 725 บาท หุหุ กระเป๋าเบาสะบาย

และอื่นๆที่ต้องเตรียมต่อไป คือครีมทาพุงลาย เอิ้กๆๆๆ


Monday, March 22, 2010

ยินดีด้วย คุณกำลังตั้งครรภ์ ... ภาระที่ให้ความสุข?

สัปดาห์ที่ผ่านมารู้สึกว่า ท้องอืด พุงป่องๆ เจ็บคัดหน้าอก ปวดท้องบ่อยๆ แถมเจ็บคอและรู้สึกมีไข้อ่อนๆตลอดเวลา ลางานไป วันนึง แต่แอบสงสัยว่ารอบเดือนไม่มา 3 วันแล้ว ... หรือจะเป็นไข้ทับฤดู หรือจะมีน้อง?

เช้าก่อนจะไปทำงาน ม๊าโทรมาถาม ว่าหายไข้หรือยัง? เราเองก็นอนปวดท้องทั้งคืน คาดว่าน่าจะเป็นโรคกระเพาะด้วย แม่บอกว่าให้ไปตรวจเถอะ ตอนนี้ป๋าป๊าหม่าม๊าก็มาตรวจสุขภาพที่รพ.ด้วย และแกจะจองคิวให้ เราจึงตัดสินในลางานไปหาหมอที่ รพ. พระราม9

เล่าอาการและข้อสงสัยให้คุณหมอฟัง ผลจากการตรวจ เป็นโรคทางเดินอาหารอักเสบ กึ่งๆกรดไหลย้อน
และ ก่อนจะให้ยาโรคกระเพาะ คุณหมอให้ไปทำ Preg test (ตรวจปัสสาวะ) เพราะยากระเพาะบางตัวจะมีผลต่อเด็ก หากมีการตั้งครรภ์ ...แต่ประจำเดือนเพิ่งจะไม่มา 2-3 วัน ผลอาจจะคลาดเคลื่อนได้นะครับคุณหมอบอก


ใบตรวจฉี่มาแล้ว คุณหมอยิ้มแล้วบอกว่า Possitive +++
"ยินดีด้วย คุณกำลังตั้งครรภ์!!!" O__O"
วินาทีที่ได้ยิน ทั้งๆที่เตรียมใจไว้อยู่ก่อนแล้ว มันอึ้งๆบอกไม่ถูก
อากง อาม่า(อยู่ในห้องตรวจด้วย)  ยิ้มกริ่มท่าทางแกจะดีใจที่ได้หลาน แต่ทำไมเรากังวัลๆก็ไม่รู้
ดีใจก็ดีใจนะ แต่กลัวจัง 5555 คงมาแล้วสินะ ภาระที่ให้ความสุข :P

และคุณหมอส่งต่อ ไปแผนกสูตินารี เพื่อฝากครรภ์ ....
ถูกเจาะเลื่อด > < และคุณหมอก็แนะนำ การปฏิบัติตัวให้ฟังยาวยืด และเอาปฏิทินวงจรการเจริญเติบโตของเด็กมาให้ดู *0* / ตอนนี้ลูกของคุณจะอยู่ตรงนี้ แบบนี้ จินตนาการถึงต้นกล้าอ่อนๆ ที่มีรากเล็กๆเกาะฝังตัวอยู่ ยังไม่แน่นหนา



1-3 เดือนจึงเป็นช่วงที่ต้องระวังตัวมากที่สุด ทั้งเรื่องการกระแทกระหว่างเดินทาง และการรับประทานยา
และคุณหมอคำนวนกำหนดคลอดให้เสร็จสรรพ ด้วยปฏิทินหน้าตาคล้ายๆแบบนี้ ยังกะแผ่นเข้มทิศดูฮวงจุ้ยแหนะเอิ้กๆ ^o^ กำหนดคลอด 28 พย. 53 บวก ลบ 2 สัปดาห์



แต่ใจเราลอยไปถึงไหนแล้วก็ไม่รู้ ...หุหุ รู้แต่เดี๋ยวต้องหาซื้อรองเท้าส้นเตี้ยมาใส่ด่วน...
หมอให้ยาบำรุงกรดโฟลิคมากิน หมอบอกว่ามันจะช่วยลดความเสี่ยง อาการพิการของเด็กได้
( น่าจะเป็นพวกเดียวกะกรดโฟลิคนะ) หุหุ


ปล. ฝากครรภ์กับคุณหมอที่ รพ.พระราม9
ตรวจครั้งแรก พบแพทย์พูดคุย แนะนำการปฏิบัติตัว และการเจริญเติบโต รวมถึงเจาะเลือด และ กดตรวจมะเร็งเต้านม เป็นเงิน 2,757 บาท หุหุ



คุณรู้หรือไม่ว่า?
การตั้งครรภ์ถึง 50% เป็นการตั้งครรภ์แบบไม่ได้วางแผนไว้ ถ้าหากคุณแม่เพิ่งทราบว่ากำลังตั้งครรภ์และไม่เคยทานกรดโฟลิคเสริมมาก่อน ก็ไม่ต้องกังวลใจ สามารถเริ่มทานได้ทันทีและทานต่อเนื่องไปจนถึงสัปดาห์ที่ 12 ของการตั้งครรภ์

กรดโฟลิค กรดโฟลิคช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดความผิดปกติแต่กำเนิด เช่น ความผิดปกติของกระดูกสันหลัง ที่เรียกว่า Spina Bifida ช่วงเวลาที่เหมาะจะรับประทานคือช่วง 2-3 เดือนก่อนคลอด และระหว่างระยะที่ 1 ของการตั้งครรภ์ (12 สัปดาห์แรก) ในช่วงเวลาดังกล่าว จำเป็นมากที่คุณแม่จะต้องรับประทานอาหารที่เป็นประโยชน์และครบห้าหมู่ พร้อมทั้งรับประทานกรดโฟลิค พร้อมทั้งคุณแม่สามารถเลือกอาหารที่มีกรดโฟลิคสูงมารับประทาน เช่น ผักที่มีสีเขียวอย่างบล็อคโคลี่ กระหล่ำปลี ฝักถั่วและเมล็ดถั่ว และผลไม้ เช่น ส้ม